ไขปริศนากำไรPACE 5พันล้าน แต่ทำไมตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขึ้นSP

ไขปริศนากำไรPACE 5พันล้าน แต่ทำไมตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขึ้นSP

หากใครติดตามหุ้น เพซ ดีเวลลอปเมนท์ หรือ PACE อาจจะต้อง “งง” กันสักนิด

เมื่อบริษัทฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิถึง 5,310 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันยังขาดทุน 640 ล้านบาท ส่วนงบการเงินงวดครึ่งปี 2560 กำไรสุทธิสูงถึง 4,736 ล้านบาท เทียบกับงวดปีก่อนขาดทุน 572 ล้านบาท และอีกประเด็นที่ยังต้องติตามอย่างใกล้คือ มูลค่าหนี้ที่มีมากเกือบ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นหนี้ประเภทตั๋วเงินและหุ้นกู้ ซึ่งเงินกู้จำนวนมาก ไม่ได้สอดคล้องกับการลงทุนเท่าไหร่หนัก หรือเรียกง่ายๆโครงการที่ลงทุนยังไม่สามารถขายของได้ตามเป้าหมาย จึงทำให้บริษัทค่อนข้างอยู่ในภาวะเงินตรึงตัว

การประกาศงบการเงินของบริษัทฯในวันนี้ (16 ส.ค.) จึงสร้างความประหลาดใจอย่างมาก โดยบริษัทระบุว่า มาจากการรับรู้รายได้ในโครงการ เดอะ ริทซ์-คาร์ตัน เรสซิเดนเซส บางกอก, โครงการมหานคร จำนวน 33 เรสซิเดนซ์ มูลค่า 1,692.5 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ‘ดีน แอนด์ เดลูก้า’ มูลค่า 702 ล้านบาท รวมรายได้แบบคราวๆ อยู่ที่ 1,764 ล้านบาท แต่บริษัทมีค่าใช้รวมถึง 2,553 ล้านบาท คิดเป็น 99 % ของรายได้รวม ซึ่งถ้าดูจากงบที่แจ้งระหว่างรายได้กับรายจ่าย ไม่แน่ใจว่าบริษัทฯจะมีกำไรได้อย่างไร 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังลงบันทึกรายการมูลค่ายุติธรรม หรือการลงบันทึกบัญชีประมาณการรายได้จากการขายของ เพซ โปรเจค วัน และ เพซโปรเจคทรี มูลค่า 8,856 ล้านบาท ทั้งที่โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

ประเด็นนี้จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาเมื่อผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปในงบการเงิน เพราะผู้สอบบัญชีไม่สามารถพิสูจน์รายได้ในอนาคต หรือข้อมูลเปรียบกับสินทรัพย์ของผู้ประกอบการอื่นได้ หรือเรียกง่ายๆว่า เป็นการลงบันทึกตามระบบบัญชีโดยไม่มีเม็ดเงินจริงๆ เกิดขึ้นเลย จึงกลายเป็นปมประเด็นของงบการเงินที่ประกาศออกมาถูกตั้งคำถามว่า “มีกำไรได้อย่างไร”และตลาดหลักทรัพย์ต้องสั่งขึ้น SP หยุดพักการซื้อขายในวันนี้ (16 ส.ค.)