เจ้าของโรงโม่ตรังภูทองกับภรรยา ปฏิเสธไม่ใช่ “เจ้ชุมพร” เผยอยู่จังหวัดตรังนาน 14 ปี เป็นแม่บ้าน ถามกลับคนที่ตั้งข้อสงสัยคิดได้ยังไง
(20 กรกฎาคม 2560) นายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ อายุ 59 ปี เจ้าของโรงโม่ตรังภูทอง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลนาเมืองเพชร อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และเป็นผู้ได้รับสัมปทานบัตรโรงโม่หินในพื้นที่อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ แต่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการกิจการได้ เนื่องจากถูกกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้านโบราณคดี ซึ่งในระยะแรกตกเป็นผู้ต้องสัยว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรม 8 ศพ ที่จังหวัดกระบี่ จนถูกเจ้าหน้าที่เชิญให้ปากคำ และเจ้าตัวต้องออกมาแถลงข่าวกับสื่อกับมวลชนจังหวัดตรัง ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตทั้ง 8 ศพ ที่จังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายวรยุทธ ผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต และไม่จำเป็นต้องให้เงินแก่ผู้ใหญ่บ้านเพื่อนำไปแจกชาวบ้านแลกกับการดำเนินธุรกิจโรงโม่หิน ตามที่ได้รับสัมปทานบัตรแต่อย่างใด เพราะไม่สามารถจะสร้างได้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้านโบราณคดี จนต้องเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองใบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยตนเอง ครอบครัว กิจการโรงโม่หิน เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย และต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด ทำให้ตัวเองพ้นมลทิน หมดข้อสงสัยไปจากสังคมระยะหนึ่ง
แต่ล่าสุด มีการเปิดเผยชื่อ เจ้ ชุมพร....ว่าเป็นคนจ่ายเงินให้แก่บังฟัด หัวหน้าทีมฆาตรกรรมทั้ง 8 ศพ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แล้วพร้อมพวกรวม 8 คน โดยกระแสข่าวระบุว่า เจ้ชุมพร คนดังกล่าว มีความเกี่ยวพันว่าเป็นภรรยา หรือบางกระแสระบุว่าเป็นบ้านเล็กหรือภรรยาน้อย ของเจ้าของธุรกิจโรงโม่หิน ที่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยชาวจังหวัดตรัง
ผู้สื่อข่าวจึงได้นัดสัมภาษณ์ นายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์อีกครั้ง ซึ่งได้พาครอบครัวประกอบด้วย นางสุวิมล เก่งธนทรัพย์ หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า เจ้อิ้ง อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ,บุตรสาว และบุตรเขย ไปด้วย
โดยนายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ และภรรยา กล่าวว่า ทราบข้อสงสัยในเรื่องนี้แล้ว และไม่ติดใจอะไร หลังตำรวจจับคนร้ายได้ ตนก็สบายใจไปไหนมาไหนสบายใจขึ้น แต่ก็มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลทั้งตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพื่อความไม่ประมาทและเพื่อความสบายใจของครอบครัว ส่วนตัวมีภรรยาเพียงคนเดียว คือ นางสุวิมล ไม่เคยมีบ้านเล็กบ้านน้อย ตัวคุณสุวิมล ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องธุรกิจ ไม่เคยรู้จักหุ้นส่วนผม ทำงานเป็นแม่บ้าน ดูแลบ้าน ดูแลลูก หลาน ไม่ออกงานสังคม ไม่ไปไหน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาของตนเองจะไปมีส่วนในเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่มีคนพยายามจะโยงเรื่องมาที่ตนเอง และครอบครัว คงเห็นว่าเดิมตำรวจเคยสงสัยในตัวตนเอง แต่เมื่อไม่ใช่ก็อาจจะพยายามโยงมาหาครอบครัวอีก ส่วนตัวก็ไม่ติดใจ ซึ่งเคยบอกไปแล้วว่า ทางตำรวจสามารถตรวจเช็คข้อมูลทางโทรศัพท์ได้ว่า ตนเองเกี่ยวพันกับคดีหรือไม่ และส่วนตัวก็ไม่เคยรู้จักบังฟัต ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้แต่ประการใด ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามการทำงานของตำรวจ ตนเองขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ โดยมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกัน เชื่อถือได้หมด ไม่มีข้อสงสัยในการทำงานของเจ้าหน้าที่
สำหรับตนเอง เดิมตนเองเป็นคนจังหวัดระนอง แต่ตามคุณแม่มาทำสวนยางที่จังหวัดตรัง จนกระทั่งหันมาทำธุรกิจโรงโม่ และตนเองเป็นคณะกรรมการติดตามการทำงานของตำรวจ สภ.สิเกา (กต.ตร.สิเกา) ทำงานดูแลสอดส่องเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเคยได้รับรางวัล กต.ตร.ดีเด่นระดับภาคใต้ด้วย ดังนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องร้ายๆแบบนี้ตนเองและครอบครัวไม่มีทำได้อย่างแน่นอน
ทางด้านนางสุวิมล หรือเจ้อิ้ง กล่าวอย่างอารมณ์ดีและหัวเราะตลอดเวลาว่า เดิมตนเองเป็นคน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งที่บ้านเดิมยังมีคุณพ่ออยู่ อายุ 81 ปีแล้ว ตนเองมาอยู่จังหวัดตรังได้ 14 ปี ไม่เคยไปไหนอยู่แต่บ้านในตัวเมืองกับโรงโม่เท่านั้น ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านทำกับข้าว ดูแลสามี ลูก และหลาน ไม่รู้เรื่องธุรกิจของสามีเลย ส่วนที่มีคนสงสัยตนเอง ก็ไม่ทราบว่า คิดได้อย่างไร คนชื่อ เจ้ ชุมพร น่าจะมีมาก แต่ตนเองคือ เจ้อิ้ง หรืออยู่นาน จนเป็นเจ้ตรังไปแล้ว ส่วนสามีทราบดีว่าไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่นั่งสัมภาษณ์ ได้มีชาวบ้านเดินมาพบ และต่างก็เข้าให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก โดยนายสมน้อย หอยสังข์ ปรานสภาเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร กล่าวยืนยันว่า รู้จักโกนรินทร์ และครอบครัวมานาน ทุกคนเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือสังคม ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า คุณนรินทร์ไม่มีส่วนพัวพันกับคดีดังกล่าวอย่างแน่นอน พร้อมกับยืนยันว่าโกนรินทร์ไม่ใช่คนเจ้าชู้ เป็นคนรักครอบครัวมากชาวบ้านจึงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของโกนรินทร์และครอบครัว พร้อมให้กำลังใจ อย่าท้อ