"นมวัวแดง" เตรียมเปิดตลาดมาเลเซีย

นายณรงค์ฤิทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค. )เปิดเผยว่า ในปี64 ที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นปีนมแห่งชาติ. อสค. มีเป้าหมายจะสร้างรายได้ที่11,000 ล้านบาทจากปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่9,000ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ย7%ต่อปี

ดังนั้นเพื่อสร้างรายได้แบบก้าวกระโดด อสค. จึงจะผลักดันให้มีการส่งออกตลาดเพื่อนบ้านมากขึ้นจากปัจจุบันที่ส่งออกใน ลาว กัมพูชา และพม่า ที่มีรายได้ประมาณ700ล้านบาท โดยจะผลักดันให้ส่งออกในตลาดมาเลเซีย ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรับรองโรงงานผลิตที่สุโขทัย หากได้รับความเห็นชอบจะใช้โรงงานดังกล่าวเป็นฐานการส่งออก ในตลาดดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ การเปิดตลาดมาเลเซีย นั้นจะเป็นช่องทางให้สินค้านมวัวแดงไปตลาดมุสลิมตะวันออกกลางที่ปัจจุบันยังมีการบริโภคนมผงผสม ซึ่งมีประโยชน์ น้อยกว่า และจากจุดแข็งของไทยเดนมาร์คที่เป็นนมโค100% จะทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามการสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายต้องคำนึงถึงผลผลิตนมโคด้วย เนื่องจากปัจจุบัน อสค. รับซื้อได้เพียง7,000ตันต่อวัน จากผลผลิตทั้งประเทศ 31,000ตันต่อวัน. ซึ่งปริมาณผลผลิตนี้จะขยายตัวปีละ7% “ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในเครือ อสค นั้นจะได้รับการดูแลตลอดชีพ รวมทั้งมีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนาด้วย ทำให้นมโคที่ได้มีคุณภาพ และมาตรฐาน การขยายปริมาณการผลิตมากเกินไปจะเสี่ยงต่อคุณภาพดังกล่าว” นายณรงค์ฤทธิ์. กล่าว

ทั้งนี้ อสค. ตั้งเป้ารายได้จากการส่งออกไว้ทีา 20% ของรายได้รวมเท่านั้นโดยปี64จะมีประมาณ2,000ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้ในประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นนมยูเอชที นายณรงค์ฤทธิ์. กล่าวว่าปัจจุบัน ไทยมีอุตสาหกรรมที่พัฒนามากที่สุดในอาเซียนคู่แข่งที่สำคัญคือเวียดนาม ที่พยายามจะส่งนมเข้ามาในตลาดไทย.ถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว