ดิจิทัลพลิกโฉมธุรกิจ บททดสอบ ‘ซีเอฟโอ’ ไฮเทค

“มาแฮทเดแวน นาทาราจัน” ผู้อำนวยการอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มธุรกิจการจัดการประสิทธิภาพองค์กร ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น แอพพลิเคชั่น เปิดมุมมองว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังสร้างแรงกดดันให้กับผู้บริหารด้านการเงิน(ซีเอฟโอ) ของหลายๆ องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผลการวิจัยโดยออราเคิล ระบุว่า ธุรกิจองค์กรเริ่มหันไปฝากความหวังไว้กับซีเอฟโอ พยายามเข้าไปขอคำแนะนำถึงหนทางนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ ทั้งๆ ที่เดิมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

  ในอดีตซีเอฟโอทำหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีและสมุห์บัญชีขององค์กร แต่ปัจจุบันบทบาทเปลี่ยนไปอย่างมาก นอกจากความรับผิดชอบด้านการบริหารงบประมาณและทำรายงานการผลิต องค์กรยังคาดหวังให้เป็นเสาหลักในการผลักดันกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต สร้างนวัตกรรม เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

“ซีเอฟโอยุคใหม่ไม่ได้มีหน้าที่แค่บริหารการเงินและทำรายงานเท่านั้น แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าสามารถบูรณาการ บริหารจัดการสถานะการเงิน การทำงานในหน้าที่ต่างๆ รวมถึงการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว” 

  ซีเอฟโอ 52% ระบุว่า อีกหนึ่งบทบาทที่ได้รับมาคือ ผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ภายใต้โจทย์ที่ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถเติบโตได้

หวั่นสตาร์ทอัพแย่งแชร์

เขากล่าวว่า องค์กรธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงทั่วโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของอนาคต ที่ผ่านมาทั้งเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น ประเทศสหรัฐตัดสินใจแยกตัวออกจากความร่วมมือในภูมิภาคทรานส์แปซิฟิค (Trans-Pacific Partnership: TPP) รวมถึงการชะลอตัวการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศจีน ได้ส่งผลทำให้การวางแผนล่วงหน้าทำได้ยากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะที่ไม่สามารถคาดการณ์ใดๆ ได้กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยผลพวงจากการที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉม ทั้งมีธุรกิจรายใหม่ๆ อย่างสตาร์ทอัพ มาแย่งส่วนแบ่งการตลาดตลาดไปจากรายเดิมที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ด้วยธุรกิจรูปแบบดิจิทัล

ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 83% มีความเห็นว่าดิจิทัลสตาร์ทอัพเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจของตน

 

ดึงพลังคนรุ่นใหม่

ด้วยปัจจุบัน ซีเอฟโอจำต้องรับผิดชอบขอบเขตงานที่กว้างขึ้น ดังนั้นบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวมักมาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ ที่น่าสนใจเป็นคนรุ่นใหม่ กลุ่มมิลเลนเนียลซึ่งมีความกล้าที่จะใช้วิธีการของตน มองหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

  “คนกลุ่มมิลเลนเนียลส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อการนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทัศนคติที่สำคัญและมีค่ามาก”

นอกจากนี้ พบว่าพวกเขาเหล่านั้นมีทัศนคติ และวิธีการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง ทว่าต้องการที่จะเป็น ผู้รอบรู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เข้าใจองค์กรทุกแง่มุม ทั้งมีมุมมองว่าบทบาทหน้าที่ของตนเกี่ยวข้องกับคนอื่น และพยายามมองหาวิธีการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

  จากการสำรวจ คนกลุ่มมิลเลนเนียลจำนวน 4 ใน 5 ต้องการวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันมากกว่ามุ่งแต่แข่งขัน ซึ่งนับเป็นความเชื่อที่ดีที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของซีเอฟโอด้วย

ชูเอไอสร้างจุดเปลี่ยน

สำหรับมุมของการลงทุนด้านเทคโนโลยี หนึ่งในเมกะเทรนด์ที่หลีกเลี่ยงได้ยากคือ บิ๊กดาต้า หรือการหลั่งไหลของข้อมูลเข้าสู่องค์กรจำนวนมหาศาล ดังนั้น จำต้องพึ่งพาแอพพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคตเช่น ปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)

ขณะเดียวกัน ต้องสามารถปรับตัวได้อย่างชาญฉลาด เพื่อวิเคราะห์และเลือกดึงข้อมูลเชิงลึกไปใช้ประโยชน์ ที่ไม่อาจมองข้ามคือข้อมูลที่มาจากอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที

“พลังของข้อมูลจะช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจธุรกิจมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน สามารถคาดการณ์ ให้คำแนะนำการทำงานได้ทั่วทั้งองค์กร ส่วนการบูรณาการข้อมูลมหาศาลกับปัญญาประดิษฐ์และพลังของเทคโนโลยีคลาวด์จะเพิ่มความสามารถในการทำงานเชิงรุก พร้อมขยายโอกาสสู่ตลาดใหม่ๆ”

เขาระบุด้วยว่า ยุคที่ดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉม ทั้งมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความสำเร็จจะเกิดได้ยากหากมัวแต่ทำงานแบบปลอดภัยไว้ก่อน

ซีเอฟโอ รวมถึงนักคิดรุ่นใหม่ๆ ที่สามารถเข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นคนกลุ่มสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ซีเอฟโอแห่งอนาคตจะมีบทบาทสำคัญในการลดความอุ้ยอ้ายขององค์กร เพิ่มความคล่องตัว ช่วยผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกัน

“ซีเอฟโอยุคใหม่ต้องทันเกม รู้จักดึงพลังของเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แม้ดิจิทัลเข้ามาเพิ่มความท้าทาย สร้างการเปลี่ยนแปลง ทว่าอีกทางหนึ่งได้มอบเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัว ยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ ผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกัน สามารถจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สำคัญตอบสนองและแก้ปัญหา