‘นาตาลี’ นำทัพลอรีอัลฯสานเป้าบริษัทความงามอันดับ1

‘นาตาลี’ นำทัพลอรีอัลฯสานเป้าบริษัทความงามอันดับ1

เกือบ15ปี บนเส้นทางธุรกิจสินค้าแบรนด์และตลาดความงาม ก่อนก้าวมานำทัพ’ลอรีอัล ประเทศไทย’ กับโจทย์เบอร์1บริษัทยักษ์ใหญ่ความงามในไทย ‘นาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี’ ผู้บริหารครบเครื่อง สวย เก่งและแกร่ง

สตาร์ทการทำงานกับบริษัทความงามเบอร์ 1 ของโลก อย่าง “ลอรีอัล” ระหว่างที่ยังร่ำเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อลอรีอัล เฟ้นหาคนที่มีความรู้ความสามารถ เธอเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับโอกาสเข้าไปร่วมทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัด หรือ Management trainee ก่อนจะไต่เต้าเติบใหญ่เป็นฝ่ายการตลาดของแบรนด์ลอรีอัล ปารีส, เป็นผู้จัดการตราผลิตภัณฑ์, ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กระทั่งนั่งตำแหน่งดูแลตลาดเป็น “ภูมิภาค” สำหรับผู้บริหารหญิงเก่งอย่าง “นาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด 

เส้นทางการทำงานในตำแหน่งต่างๆ ทำให้เธอมีโอกาสได้สัมผัสกับการดูแลผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวพรรณ (สกินแคร์) กลุ่มดูแลเส้นผม เครื่องสำอาง ย้ายถิ่นฐานทำงานมาแล้วก็หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย หรือเป็นดูแลแบรนด์การ์นิเย่ในภูมิภาคยุโรป

ความที่มีประสบการณ์ทำงานในอินเดีย ที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่าเป็นประเทศที่ตลาดสินค้าความงามต่างจากประเทศอื่นในเอเชียค่อนข้างมาก ทำให้เกิดความท้าทาย และมองหา “โอกาส” พิสูจน์ฝีมือในการขับเคลื่อนธุรกิจประเทศอื่นๆในเอเชียเพิ่มเติม โชคเข้าข้าง เมื่อใน “ประเทศไทย”  กำลังต้องการผู้บริหารมารับช่วง 

โดยไทยเป็น 1 ในตลาดความงามที่สำคัญของลอรีอัล และใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชีย ควบคู่กับออสเตรเลีย อินโดนีเซีย การมารับไม้ต่อในช่วงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว แม้ผลกระทบกับตลาดความงามจะมีไม่มาก โดยการเติบโตของบริษัทยังไปได้สวยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

แต่สำหรับเธอแล้วยัง “ประมาทไม่ได้”

เจ้าตัวเล่าว่า 4 ปีที่ขับเคลื่อนธุรกิจในไทย จากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค เมื่อเธอนั่งเก้าอี้แม่ทัพ เคลื่อนลอรีอัล โจทย์การทำงานของเธอไม่ต่างจากหลายๆประเทศที่เธอบริหารมากนัก นั่นคือ การผนึกกำลังกับลอรีอัลในระดับ "ภูมิภาค" (Regional) และ “โลก" (Global) ควบคู่กันไป ขณะที่โครงการบางอย่างก็ริเริ่มจากไทยได้ รวมถึงการนำแนวทางการปฏิบัติงานที่ดีไปเสนอต่างประเทศ

การทำงานมีสองส่วน ทั้งนำทิศทางของบริษัทแม่มาปฏิบัติ แต่หลายอย่างก็เปิดกว้างให้สามารถทำอะไรได้เอง เพื่อให้ลอรีอัลชนะใจผู้บริโภค ชนะตลาดนั้นๆ”

เธอยกตัวอย่างความสำเร็จหนึ่งที่ทีมงานในไทยพยายามกำหนดกลยุทธ์ ทำความเข้าใจผู้บริโภคเพื่อช่วยกันผลักดันแบรนด์ “การ์นิเย่” ขึ้นเป็น “เบอร์ 1” ในตลาดสกินแคร์สำหรับผู้หญิงในไทย ซึ่งทั่วโลกไม่มีประเทศใดที่ไปถึงจุดสูงสุดนี้ หรือ แบรนด์นิกซ์ (NYX) ที่การทำตลาดในไทยประสบความสำเร็จสูงสุดในเอเชีย กลายเป็นการ “ปูฐาน” ให้กับแบรนด์นิกซ์บุกตลาดผงาดในภูมิภาคนี้

ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนลอรีอัลในไทย เธอจึงมีส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตของยอดขาย “2หลัก” ต่อเนื่องมา 5 ปี การผลักดันการ์นิเย่ขึ้นเบอร์นำ แต่สิ่งที่โดดเด่นมากสุด เธอยกให้เป็นการกำหนด “ยุทธศาสตร์” ให้ลอรีอัลประเทศไทย มุ่งเน้นเสริมสร้างความเป็นเลิศใน 4 ด้าน

1.การให้ความสำคัญกับผู้บริโภคโดยการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภคที่สุดในทกเซ็กเมนต์ ว่าใครที่ชื่นชอบความงาม ใครเป็นขาช็อป 2. การเชื่อมต่อตลาดความงามกับโลกดิจิทัลได้ทันสถานการณ์ และคาดการณ์อนาคตจะมาอย่างไร มาเร็วแค่ไหน บริษัทต้องพร้อมรับมือให้ได้ 

3.การพัฒนาและดูแลบุคลากรให้มีการเติบโตไปพร้อมกับองค์กร และ 4.สร้างจริยธรรมที่ดี การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม สอดคล้องกับพันธสัญญาเรื่องความยั่งยืนในการที่ลอรีอัลจะแบ่งปันความงดงามให้ทุกสรรพสิ่ง หรือSharing Beauty with Allสร้างสรรค์ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายปี 2563

อย่างไรก็ตาม แม้ลอรีอัลประเทศไทยเป็นบริษัทความงามมที่มียอดขายเติบโตสูงกว่าตลาดโดยรวม ทว่า การบริหารธุรกิจนี้“กลับไม่ง่าย” โดยเธอยกให้ไทยเป็นประเทศที่ “ท้าทาย” ความสามารถไม่น้อย เมื่อสังเวียนความงามแห่งนี้เป็นเวทีที่ “ผู้เล่น” มากมายทุกแบรนด์ในโลกเข้ามาขอแบ่งเค้ก

ไทยถือว่ามีความยาก เพราะมีคู่แข่ง แบรนด์ ผู้เล่นทั่วโลกมาอยู่ที่นี่หมด และด้วยอุตสาหกรรมความงามเป็นตลาดที่ใหญ่ ทุกแบรนด์ก็ต้องการมีส่วนร่วมชิงเค้กก้อนนี้ การแข่งขันเลยสูงมาก และสิ่งที่ยากอีกอย่างคือ รูปแบบช่องทางจำหน่ายค้าปลีกของไทยมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านสเปเชียลตี้สโตร์ ร้านขายยาฯ” 

เธอเจึงต้องใช้เวลา “ถอดรหัส” เพื่อทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้เพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จให้กับผลิตภัณฑ์ความงามในพอร์ต

นอกจากนี้ การทำตลาดในไทย ยังไม่อาจ“มองข้าม”เรื่องง่ายๆหรือโจทย์เล็กๆ เพราะที่ผ่านมา เธอได้เห็นว่าแบรนด์ความงามระดับ “ท็อป” นักต่อนัก อยู่ๆต้องเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับแบรนด์ที่ไม่รู้จัก ดังนั้นจึงต้องทำงานใกล้ชิดผู้บริโภคเพื่อ“เค้น” คำตอบในใจกลุ่มเป้าหมายให้รู้ความต้องการให้ได้ !!

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายใหญ่ของ “นาตาลี” ตามการรับนโยบายบริษัทแม่คือการผลักดันลอรีอัลประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็น “บริษัทความงามอันดับ 1 ในไทย”  ซึ่งขณะนี้เป็นเบอร์ไหน? 

เธอบอกและยิ้มว่า “เราใกล้จะเป็นเบอร์ แล้ว แต่ตอนนี้ยัง” แต่เพื่อสานพันธกิจนี้ ยังต้องใช้ความพยายามผลักดันยอดขายให้เติบโตกว่าตลาด 2 เท่าต่อเนื่อง

ส่วนเป้าหมายส่วนตัว คือการนำทัพองค์กรเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมไปพร้อมๆกับการเติบโตของตัวเลขทางธุรกิจ ที่สำคัญคือการมีส่วนช่วยให้บุคลากรให้“เติบโต”ในตำแหน่งหน้าที่การงาน

“เชื่อมั่นความสามารถของคนที่จะมาทำงานให้กับเรา ไม่ใช่เขามาแล้วบอกว่าเขาทำอะไรได้ แต่เราต้องหาคนที่ทำงานกับเรา แล้วมาบอกเราว่าต้องทำงานอะไร เราเชื่อในความสามารถ หรือ Talent ของคนที่มาทำงาน เขาจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับพนักงาน เพื่อที่จะดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จได้” นี่เป็นความประทับใจตั้งแต่ถูกสัมภาษณ์เข้าทำงานที่ปารีส และเรื่องนี้เชื่อมโยงหลักการทำงานของลอรีอัลหลายประการ ได้แก่ 

1. เป็นนักสร้างสรรค์เพื่อมองอนาคตตลาดความงามจะไปทิศทางไหน 2.เป็นนักกลยุทธ์ คำนึงถึงการทำงานระยะยาว ไม่คิดแค่ระยะสั้น และ “ต้องคิดนำหน้าก้าวหนึ่งอยู่เสมอ”3.ทำงานเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ 4.ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เพื่อให้การทำงานราบรื่นรวดเร็ว และ5เป็นนักพัฒนาคน เอื้อต่อการเติบโตทางธุรกิจ

สำหรับการเป็นแม่ทัพเคลื่อนลอรีอัลประเทศไทย ของนาตาลี แม้ไม่มีระยะเวลากำหนดชัดกี่ปี แต่เธอบอกว่า การทำงานกับคนไทย 

“ชอบ และมีความสุข เพราะคนไทยทำงานเก่ง มีอะไรให้เรียนรู้มากมาย” เธอโปรยยาหอม