เฒ่าเมืองผู้ดีรมแก๊สดับคาแมนชั่นหรู ย่านรัชดา

ร.ต.อ.บรรยงค์ เรืองแดง รอง สว.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุมีชาวต่างชาติเสียชีวิตด้วยการรมแก๊สไม่ทราบชนิดเสียชีวิต เหตุเกิดภายในห้องเลขที่ 350/ 124 ชั้น 8 แมนชั่นแห่งหนึ่ง ภายในซอยรัชดา32 แขวงจันทรเกษม เขต จัตุจักร กทม. หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ และรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ ผกก.สน.พหลโยธิน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พ.ฐ.) และเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นแมนชั่นให้เช่าพักอาศัยสูง 8 ชั้น จำนวนหลายตึกติดต่อกัน จากการตรวจสอบภายในห้องที่ 350/124 ชั้นที่8 อาคารที่3 พบศพนายฟิลิป บราวน์ (Philip Browne) อายุ 71 ปีชาวอังกฤษ ไม่สวมเสื้อและกางเกงใส่เพียงกางเกงใน นอนคว่ำหน้า อยู่บนเตียง บริเวณหัวพบถุงพลาสติกคลุมอยู่มีกานต่อสายแก๊สเข้าไปในถุงอีกด้านเชื่อมต่อกับ ถังแก็สสีเขียว ประเภทไนโตรเจน วางไว้อยู่ข้างตัวด้านซ้าย.  คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ2-3วัน ตรวจสอบภายในห้องไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีร่อยรอยการต่อสู้ และไม่มีบาดแผลตามร่างกาย มีการเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้และประตูถูกล็อคจากด้านใน 

จากการสอบถามน.ส.อุบล วอนวงษ์ แม่บ้านดูแลหอพัก ทราบว่า ขณะที่ขึ้นไปเคาะห้องดังกล่าวเพื่อจะทำความสะอาด โดยเคาะห้องหลายครั้งแต่ไม่มีคนตอบ และได้กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งออกมาจากนอกห้อง จึงคิดว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจึงรีบแจ้งผู้จัดการฯ ก่อนจะติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ

พ.ต.อ.ยรรยง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่ห้องดังกล่าวมากว่า 10 ปี โดยทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเคยคบหาดูใจกับ น.ส.เกศนี กุลวงศ์ อายุ 58 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์  ซึ่งต่อมาแฟนสาวได้เลิกลากันมาได้ระยะหนึ่ง นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยทำพินัยกรรมให้กับแฟนสาว แต่ได้ทำการยกเลิกพินัยกรรมไปแล้ว ส่วนน.ส.เกศนี  ก็ยังเดินทางมาหาผู้ตายบ้าง และล่าสุดเพิ่งเดินทางมาหาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยพูดเปรยๆ กับแม่บ้านว่า ตัวเองใกล้จะตายแล้วอีกด้วย 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ คาดว่า ผู้ตายน่าจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากสภาพห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือการรื้อค้น นอกจากนี้เครื่องปรับอากาศภายในห้อง ก็ยังมีการเปิดทิ้งไว้อีกด้วย ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากการที่ทะเลาะกับ น.ส.เกศนี กุลวงศ์ อายุ 58 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ แฟนสาว และโรคประจำตัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนจะเชิญตัวแฟนสาวมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนศพจะนำส่งนิติเวช รพ.ตร. เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป