SPALI - ซื้อ

SPALI - ซื้อ

ปลอดภัยและมั่นคง

ประเด็นการลงทุน

เราชอบ SPALI เนื่องจากบริษัทมีภาพกำไรเติบโตชัดเจนที่สุดในกลุ่มในระยะยาว สำหรับระยะสั้นนั้นเรามองปัจจัยกระตุ้นหลักคือการคาดว่าบริษัทจะเป็นผู้นำด้านยอดจองซื้อโดดเด่นในกลุ่มสำหรับไตรมาส 3/60 โดยราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับน่าลงทุน โดยปัจจุบัน PER ปี 2560 อยู่ที่ 8.6 เท่า และปี 2561 อยู่ที่ 7.8 เท่า ซึ่งนับว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับแนวโน้มประมาณการกำไรหลักเติบโตชัดเจน 10% ต่อปี ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SPALI โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 29 บาท โดยประเมินจาก PER เป้าหมายเท่าเดิมที่ 9.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2549-2559 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ภาพกำไรปี 2560-2561 ชัดเจนที่สุด

SPALI มียอดขายรอรับรู้รายได้สูงที่สุดในกลุ่มอสังหาฯภายใต้การวิเคราะห์ของเราที่ 4 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมโครงการร่วมทุนของ AP ที่คิดรวมแล้วมากเป็นอันดับหนี่ง) โดยยอดขายรอรับรู้รายได้ดังกล่าวแบ่งการรับรู้เท่ากับ 1.4 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2560, 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2561, 1 หมื่นล้านบาทในปี 2562 และ 5 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ซึ่งคิดเป็น 71% ของประมารการรายได้จากการขายอสังหาฯ ที่เราประมาณการในปี 2560 ของเรา และคิดเป็น 41% ของประมาณการปี 2561 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มและสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 50% ในปี 2560 และ 16% ในปี 2561 อยู่อย่างมีนัยสำคัญ โดยยอดขายรอรับรู้รายได้ดังกล่าวนับว่ามีคุณภาพสูง เนื่องจากมีนโยบายจ่ายเงินดาวน์ที่สูง 20% โดยเราประเมินรายได้จากการขายอสังหาฯของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง 7% ในปี 2560 และ 8% ในปี 2561 ขณะที่คาดมูลค่าโครงการคอนโดเสร็จและเริ่มโอนได้จะพุ่งสูงขึ้น 57% มาอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2560 (คอนโด 9 โครงการ) โดยมีอัตราจองซื้อเฉลี่ยแล้ว 70% และสูงขึ้นอีก 7% มาอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 (คอนโด 9 โครงการ) มีอัตราจองซื้อเฉลี่ยแล้ว 56%

คอนโดใหม่เปิดในปี 2560 เพื่อหนุนรายได้ปี 2563 เป็นต้นไป

ในครึ่งหลังปี 2560 SPALI มีแผนจะเปิดคอนโดใหม่ 4 โครงการโดยมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท (ราคาเฉลี่ยประมาณ 2.2-3.5 ล้านบาท/ห้อง) โดยสามในสี่โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีน้ำเงินจะเปิดตัวในเดือน ส.ค.-ก.ย. ขณะที่อีกหนึ่งโครงการตั้งอยู่ใกล้สายสีทอง ซึ่งจะเปิดในไตรมาส 4/60 โดยทั้งสี่โครงการจะเริ่มโอนในอีกหลายปี
ข้างหน้าตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ดังนั้นเราคาดเสียงตอบรับต่อโครงการเหล่านี้จะอยู่ในระดับกลางๆ แต่จะเป็นรากฐานสร้างความชัดเจนให้บริษัทรับรู้รายได้ระยะยาวและกำไรเติบโตระยะยาวตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป อีกทั้งคาดอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการคอนใหม่จะอยู่ที่สูงระดับปกติของบริษัทที่ 40%


ผู้นำด้านยอดจองซื้อล่วงหน้าเติบโตในไตรมาส 3/60

เบื้องต้นเราประเมินยอดจองซื้อล่วงหน้าไตรมาส 2/60 ที่ 5.8 พันล้านบาท สูงขึ้น 26% YoY แต่ลดลง 23% QoQ เนื่องจากไม่มีโครงการคอนโดเปิดใหม่ในไตรมาส 2/60 ขณะที่มีการเปิดโครงการ Oriental สุขุมวิท39 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/60 อย่างไรก็ตาม SPALI จะเป็นผู้นำด้านยอดจองซื้อล่วงหน้าเติบโตในไตรมาส 3/60 โดยเราคาดยอดจองซื้อไตรมาส 3/60 จะเติบโตแข็งแกร่ง 15-20% YoY และ 25-30% QoQ หนุนโดยไตรมาส 3/60 นั้นเป็นไตรมาสที่มีการเปิดโครงการใหม่รวมมากที่สุดในปีนี้ โดยมูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท (คอนโดมูลค่ารวม 7.4 พันล้านบาท และโครงการแนวราบมูลค่ารวม 7.2 หมื่นล้านบาท) เราคาดยอดจองซื้อล่วงหน้าสำหรับครึ่งแรกปี 2560 อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท สูงขึ้น 35% YoY ซึ่งคิดเป็น 49% ของเป้าหมายปี 2560 ที่ 2.7 หมื่นล้านบาทของ SPALI (สูงขึ้น 12% จากปี 2559)

กำไรรายไตรมาสฟื้นตัวในไตรมาส 2/60-4/60

กำไรไตรมาส 2/60 จะยังคงลดลงต่อเนื่อง YoY เนื่องจากมีฐานสูงในไตรมาส 2/59 (เป็นไตรมาสที่มีกำไรมากที่สุดในปี 2559) แต่กำไรจะเติบโต QoQ ขณะที่กำไรจะกลับมาแข็งแกร่งในไตรมาส 3/60 และ 4/60 คาดรายได้จากการขายอสังหาฯในครึ่งหลังปี 2560 จะคิดเป็น 65% ของประมาณการปี 2560 ของเรา หนุนโดยโครงการแนวราบและการเริ่มโอนคอนโดเริ่มเสร็จ 6 โครงการ (มูลค่าโครงการที่จะแล้วเสร็จอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/60, 2.9 พันล้านบาทในไตรมาส 3/60 และ 3.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/60) อีกทั้งยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการหากบริษัทขายการ ลงทุนในฟิลิปปินส์ได้ภายในสิ้นปีนี้