'IFEC' ยืนยันเลือกกรรมการถูกต้องตามกฎหมาย

บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ยืนยันเลือกกรรมการบริษัทเมื่อ 2 พ.ค. ไม่โมฆะ ตั้งข้อสังเกตมีกลุ่มปล่อยข่าวหวังทำลายบริษัท ทั้งยังลากไปเกี่ยวมติบอร์ด 10 เม.ย. 60 ที่บริษัทเข้าตรวจสอบโรงแรมดาราเทวี เชื่อหวังปกปิดความผิดปกติที่ถูกตรวจพบ

บริษัท ขอชี้แจง กรณีมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคล อ้างกระแสข่าว มีคำวินิฉัยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุ การประชุมผู้ถือหุ้นไอเฟค เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 เป็นโมฆะ บริษัทจึงขอชี้แจงดังนี้

1. ฝ่ายกฎหมายไอเฟคได้พิจารณาแล้ว พบว่า คำวินิฉัยดังกล่าว เป็นเพียงคำวินิฉัยเบื้องต้น ซึ่งบริษัทจะยื่นอุทธรณ์ และชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตามกฎหมายต่อไปทั้งเป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย หากมีการโต้แย้ง เรื่องจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลในที่สุด

2. การเลือกตั้งในการประชุม เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 ใช้วิธีการเดียวกันกับการประชุมเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2560 ซึ่งกลุ่มผู้ร้องคัดค้านก็ยอมรับในผลการเลือกตั้ง และรับจดทะเบียนตามกฎหมาย สอดรับกับการวินิฉัยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ระบุว่า กรรมการ 3 คนในกลุ่มผู้ร้องหมดวาระจนมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 พ.ค.2560

3. การให้ข่าวของทนายความกลุ่มผู้ร้องคัดค้าน ระบุว่า การวินิฉัยดังกล่าวตีความผูกพันด้านกฎหมายกับมติบอร์ด 10 เม.ย.2560 ที่ไอเฟคเปลี่ยนแปลงกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์แคปแมเนจเม้นท์ จำกัด (ICAP) เพื่อเข้าควบคุมการบริหารโรงแรมดาราเทวี ซึ่งการตีความดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะมติดังกล่าวเกิดจากบอร์ดที่ได้รับการรองรับตามกฎหมาย ที่ครบถ้วนสมบูรณ์

ทั้งนี้ IFEC ได้ดำเนินการตามข้อกฎหมายทุกประการ โดยมุ่งหวังจะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง รักษาผลประโยชน์กับทุกฝ่าย ขณะที่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีได้ให้ข้อมูลทำลายบริษัทตลอดเวลา ซึ่งเห็นได้ในกรณีมีความพยายาม ร้องว่ามติบอร์ดที่ไอเฟคเข้าบริหารโรงแรมดาราเทวีนั้นไม่ถูกต้อง โดยความจริงไอเฟคให้อำนาจตามกฎหมายเข้าบริหาร และภายหลังยังพบว่า การบริหารของผู้บริหารโรงแรมดาราเทวีชุดเก่า มีการรั่วไหลในหลายจุด และกำลังจะถูกดำเนินคดีในหลายกรณี

IFEC ขอยืนยันว่า การให้ข่าวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในปัจจุบัน จะไม่ทำให้การบริหารงานในไอเฟคต้องสะดุดหยุดลง เพราะเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันขอเรียกร้องต่อผู้ให้ข่าวที่ส่งผลเสียกับบริษัท หยุดการกระทำ และหันมาร่วมบริหารบริษัท เพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัททุกฝ่าย

"เรื่องนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล การวิพากษ์วิจารณ์ อาจเข้าข่ายละเมิดศาล มีโทษทางอาญา"