MORNING CALL ACTION NOTES (27 มิ.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (27 มิ.ย.60)

ช่วง Window Dressing

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนการทำ Window dressing ปิด Q2/17 โดยส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม BANK HEALTH COMM หนุนให้ SET ปิดที่ 1,585.61 จุด (+3.25 จุด) ด้วย Vol. 3.6 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -674 ลบ. TFEX Net +7,953 สัญญา และตลาดตราสารหนี้ -79 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ กกพ.เผยผลจับสลากโซลาร์ฟาร์มฯ ไม่เป็นทางการผ่าน 38 รายคิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวม 171.52 MW

+ กกพ.คาดเปิดรับซื้อไฟฟ้า VSPP Semi-Firm ในต.ค.,รับซื้อไฟฟ้า SPP ขยะชุมชนภายในปีนี้

+ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติส่งหนังสือแจ้ง 7 บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ส.ป.ก.ได้ตามเดิม

+ ราคาน้ำมันรีบาวด์เล็กน้อยล่าสุด 43.4 US/Barrel จากคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐอาจได้รับผลกระทบชั่วคราวจากพายุโซนร้อน"ดอร่า" ที่ก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก

+/- ตลาดหุ้น DJ รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคม แม้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเดือนพ.ค. -1.1%

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.เป็น Net Sell ราว 5.7 พันลบ. แต่เงินบาทแข็งค่าล่าสุด 33.9 Bath/USD

** 27 มิ.ย. ติดตามสุนทรพจน์ของประธานธนาคารเฟด ที่กรุงลอนดอน

** 28 มิ.ย. ประกาศผล Solar Farm สหกรณ์119 MW และราชการ100 MW

** ติดตามการทำ Window Dressing ปิด Q2/60 ช่วงปลายเดือนมิ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยบวกจากการทำ Window Dressing ปิด Q2/60 รวมถึงราคาน้ำมันที่รีบาวด์ขึ้น อย่างไรก็ตามกระแส Fund Flow ที่ยังคงไหลออกโดยเป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. 5.7 พัลบ.ส่งผลให้ทิศทางดัชนีจะผันผวนง่าย ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,590 – 1,595 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy

- กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BH) และค้าปลีก (GLOBAL BJC) คาดเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing เนื่องจากราคา Underperform SET

- COM7 จับมือ SYNEX เข้าซื้อหุ้นฝ่ายละ 30% ใน"บัฟ"ผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ มูลค่ารวม 536.42 ลบ.

- MCOT กสทช.เผยตั้งคกก.พิจารณาค่าชดเชยให้ MCOT แลกคืนคลื่น 2600 MHz จำนวน 90 MHz

- EA เผยโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม จ.นครศรีธรรมราช ขนาด 45 MW เริ่มรับรู้รายได้หลัง COD วันที่ 23 มิ.ย.

หุ้นแนะนำพิเศษ

ECF Analyst Meeting

- ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพาราและปาติเคิลบอร์ดผ่าน Modern Trade ในอนาคตเตรียมเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผ่านร้านค้าส่งและปลีกจากปัจจุบันที่ 1% สู่ 7% เนื่องจากมีกำไรสูงกว่าการขายผ่าน Modern Trade ทั้งนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตสู่ 2 พันล้านบาทจจุบันอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท

- เข้าลงทุน 33.33% ในโรงไฟฟ้า Biomass ขนาด 7.5 MW ที่ จ.นราธิวาสคาด COD ในเดือนนี้ และคาดจะรับรู้กำไรราว 20-30 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า Biomass อีก 2-3 แห่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

- เข้าลงทุน 20% ในโรงไฟฟ้า Solar Farm ในพม่ากำลังการผลิต 220 MW คาดว่าใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป

- เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัททั้งจาก 1) ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่ผู้บริหารปรับกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกตามต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่ออัตรากำไรขั้นต้น และ 2) ธุรกิจพลังงานทดแทนมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า Biomass ที่จ.นราธิวาส และ Solar ในพม่า และเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า Biomass เพิ่มเติม


หุ้นมีข่าว

(+) CK (ราคาปิด 29.75 Bloomberg Consensus 35.77) ตั้งเป้ารับงานใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังไม่ต่ำกว่า 20% จากมูลค่าที่เข้าร่วมประมูลทั้งหมด ประมาณ 4 แสนล้านบาท เช่น งานรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และ รถไฟฟ้าอีก 3 สาย สีม่วงใต้ ส้มตะวันตก และสีแดง ขณะที่ปัจจุบันรับงานใหม่แล้วกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ ส่งผลให้แบ็กล็อกแตะ 1 แสนล้านบาท ย้ำรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3-3.5 หมื่นล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)

     ความเห็น ฝ่ายวัจยมีมุมมองบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่เนื่องจากงานประมูลภาครัฐมีความชัดเจนมาก โดยล่าสุดกระทรวงคมนาคม เตรียมเปิดประมูล 12 โครงการ วงเงินกว่า 6.47 แสนล้านบาท ในครึ่งปีหลังโดยคาดว่าจะส่งรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ 1.31 แสนล้านบาทเข้าครม.เดือนหน้า นอกจากนี้ในไตรมาส 3/60 จะมีการเปิดประมูลรถไฟรางคู่ประจวบฯ-หัวหิน และประจวบ-ชุมพร ปลาย ก.ค.และส.ค.ตามลำดับมูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนเพิ่มเติม

(+) IRPC (ราคาปิด 5.30 Bloomberg Consensus 5.90) มั่นใจผลงานปี 2560 เติบโตตามเป้า หลังกลับมาเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มที่ หนุนโครงการ UHV เดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพ มั่นใจ EBITDA โครงการ Everest เพิ่มขึ้นแตะ 7 พันล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)

     ความเห็น ในไตรมาส 2 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวขึ้นหลังไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น UHV เหมือนในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแต่อาจจะไม่ได้เติบโตมากเท่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้เพราะโรงกลั่น UHV ยังมีปัญหาทั้ง catalyst ไม่เหมาะสม และความไม่ยืดหยุ่นในการกลั่นน้ำมันดิบทำให้ใช้กำลังการกลั่นได้ต่ำกว่าเป้าที่ 200 KBD จากที่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารคาดว่าจะใช้กำลังการกลั่นี่ 215 KBD

(+) PTTEP (ราคาปิด 87.00 Bloomberg Consensus 102.72) "ก.พลังงาน" ลั่นทีโออาร์เปิดประมูล "บงกช-เอราวัณ" ชงเข้าพิจารณาที่ประชุมครม. ภายใน ส.ค.นี้ มั่นใจหาผู้ชนะประมูลได้ไม่เกินต้นปี 61 (ที่มาข่าวหุ้น)

      ความเห็น ประเด็นบวกต่อ PTTEP เพราะเป็นผู้รับสัมปทานแหล่งบงกชในปัจจุบัน จึงมีความรู้และความชำนาญในการสำรวจและผลิต นอกจากนี้หากบริษัทชนะประมูลช่วยลดความกังวลเรื่องกำลังการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวลง อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนแท่นผลิตในอนาคต

(+) TISCO (ราคาปิด 77.50 ราคาเหมาะสม IAA Consensus เฉลี่ย 80) พื้นฐานแกร่ง! แววโค้งสองกำไรโดดเด่น อานิสงส์ดีมานด์ปล่อยพุ่งทะยาน (ที่มา ทันหุ้น)

      ความเห็น สินเชื่อปลายปีนี้มีแนวโน้มเติบโตแม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ยังแผ่ว และสินเชื่อเช่าซื้อยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่การเข้าซื้อธุรกิจรายย่อย และธุรกิจบัตรเครดิตจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ทำให้สินเชื่อปลายปีมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดการณ์กำไรปี 60 ราว 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%

(+) LPN (ราคาปิด 12.40 ราคาเหมาะสมเฉลี่ย IAA Consensus 11.45)โกยยอดขายครึ่งปีแรก 1 หมื่นล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท จากการปิดการขายโครงการ เดอะซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน มูลค่า 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000-7,000 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2560 พร้อมมั่นใจปั๊มรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

      ความเห็น เป็น sentiment ต่อเป้ายอดขาย presale ทั้งปีที่ 2 หมื่นลบ.และจะเพิ่มเติมเป็น backlog อย่างไรก็ดี กำไร 1Q60 เท่ากับ 315 ลบ.
-55%YoY คิดเป็น 21% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.5 พันล้านบาทซึ่งหดตัว 30%YoY โดยคาดกำไร 2H60 น่าจะมากกว่า 1H60 จากจำนวนโครงการที่เริ่มโอนจำนวน 6 โครงการใน 2H60 เทียบกับ 2 โครงการใน 1H60 อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับขึ้นแรงจึงต้องระวังแรงขายทำกำไร

(+) SEAFCO ได้รับงานใหม่อีก 3 โครงการ รวมมูลค่า 105 ลบ.

(+) DEMCO ได้งานก่อสร้างระบบไฟฟ้า-สื่อสารโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ส่วนต่อขยาย มูลค่า 138.40 ลบ.

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +14.79 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,409.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.79 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,439.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด หรือ +0.03% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,247.15 จุด ลดลง 18.10 จุด หรือ -0.29% จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กและซานฟรานซิสโกได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้สกัดแรงบวกของดัชนีดาวโจนส์ และการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.37 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 43.38 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐอาจได้รับผลกระทบชั่วคราวจากพายุโซนร้อนที่ก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก