'บิ๊กตู่'พอใจส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ52เดือน

'บิ๊กตู่'พอใจส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ52เดือน

"บิ๊กตู่" พอใจส่งออกไทยขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน พร้อมชื่นชมข้าราชการที่ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ ปลื้มนักลงทุนต่างชาติตอบรับอีอีซีเกินคาด

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจกับตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่เติบโตสูงถึงร้อยละ 13.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 52 เดือน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ยางพารา น้ำตาลไทย ผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ และส่วนประกอบแผงวงจรไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

นอกจากนี้ พล.ท.สรรเสริญ ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรี ชื่นชมการทำงานของทุกคนทั้งข้าราชการ และภาคเอกชนที่ใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยสามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วนเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งตามแผนที่กำหนดไว้ควบคู่ไปกับการส่งออก เพื่อสร้างความสมดุลทั้ง 2 ด้าน

พล.ท.สรรเสริญ ยังเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี ได้รับรายงาน ขณะนี้มีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายรายให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากมองว่าอีอีซีของไทยจะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้ เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ บ.การบินไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับ บ.แอร์บัส โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง โครงการท่าเรือมาบตาพุดแหลมฉบัง โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในอีอีซี (Digital Park) และการตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หุ่นยนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะมีเงินลงทุนในอีอีซีไม่ต่ำกว่า 500,000 ลบ.ภายใน 5 ปี

โดยกรมธนารักษ์ได้เตรียมมอบพื้นที่ราชพัสดุ 3,000 – 4,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่จะไปทำงานในอีอีซี รวมกับของเดิมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ 759 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจัดตั้งดิจิตัล พาร์ค ไทยแลนด์ ( Digital Park Thailand) และพื้นที่อีกกว่า 6,500 ไร่ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา