STEC - ซื้อ

STEC - ซื้อ

ไม่เคยดีกว่านี้มาก่อน

ประเด็นการลงทุน

มูลค่างานในมือที่สูงที่สุดในประวัติกาล แนวโน้มการประมูลงานใหม่ที่เข้ามามากอย่างต่อเนื่อง และกำไรที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 ปี น่าจะช่วยหนุนให้หุ้นขยับขึ้นไปซื้อขายที่ PBV ในระดับที่สูงขึ้นจากปัจจุบันที่ 0.6 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว เป็น 1.5SD เหนือค่าเฉลี่ยฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2557 และเป็นราคาเป้าหมายของเราที่ 33 บาท ทั้งนี้เนื่องจากสถานะปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของ STEC ไม่เคยดีเท่านี้มาก่อน เราจึงมองว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นไปซื้อขายที่ PBV ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ 2.5SD เหนือค่าเฉลี่ยฯได้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอยู่ที่ 41.5 บาท อย่างไรก็ตาม เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2560 อย่างอนุรักษ์นิยม โดยคิดที่ 1.5SD เหนือค่าเฉลี่ยฯ ซึ่งมีอัพไซด์สูงถึง 21% ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” STEC

มูลค่างานในมือสูงสุดในประวัติกาลที่ 1 แสนล้านบาท

นับจากต้นปีนี้ STEC ได้เซ็นต์สัญญามูลค่ารวม 6.4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม (มูลค่า 1.69 หมื่นล้านบาท), สายสีชมพู (มูลค่า 1.88 หมื่นล้านบาท) และสายสีเหลือง (มูลค่า 2.09 หมื่นล้านบาท) มูลค่างานมหาศาลนี้หนุนให้ STEC มีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้เป็น รายได้สูงสุดในประวัติกาลที่ 1 แสนล้านบาท โดยจะมีการบันทึกงานในมือเป็นรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/60-4/60, 2.2 หมื่นล้านบาทในปี 2561 และ 2.3 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ดังนั้นรายได้จากมูลค่างานในมือที่
รอรับรู้เป็นรายได้ ณ ปัจจุบันคิดเป็น 100% ของประมาณการรายได้ปี 2560 ของเรา, คิดเป็น 78% และคิดเป็น 56% ในปี 2562

…แต่ยังไม่หยุดเท่านี้

STEC คาดจะเซ็นต์สัญญางานมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาทเพิ่มในครึ่งหลังปี 2560 ซึ่งเรามองว่าไม่ยากเกินความสามารถ เนื่องจากมีแผนการเปิดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่รออยู่อีกมากในครึ่งหลังปี 2560 การเคาะราคาประมูล 8 สัญญามูลค่า 6 หมื่นล้านบาทจะเกิดขึ้นภายในไตรมาส 3/60 และอีก 5 สัญญามูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาทน่าจะประมูลในไตรมาส 4/60 นี้ ทั้งนี้ปีหน้าดูน่าตื่นเต้นกว่านี้ การประมูลโครงการรถไฟรางคู่เฟสสองมูลค่ารวม 2.61 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้า MRT สามสายมูลค่ารวม 2.63 แสนล้านบาท และโครงการภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (เฟสแรกมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท) น่าจะเห็นในครึ่งแรกของปี 2561 แม้ว่าเราให้สมมติฐานว่ามีการประมูลโครงการเกิดขึ้นเพียง 50% ของแผนงาน และ STEC ชนะประมูลเพียง 20% ของที่เข้าประมูล (ซึ่งต่ำกว่าอัตราปกติของ STEC ที่ 25%) STEC ก็น่าจะได้งานประมาณ 7.3 หมื่นล้านบาทในปี 2561

กำไรเติบโต YoY เป็นครั้งแรกในรอบสามปี

กำไรหลักของ STEC ปรับตัวลดลง YoY ตั้งแต่ไตรมาส 3/57 เนื่องจากบริษัทได้งานโครงการขนาดใหญ่น้อยมากนับจากปลายปี 2555 จนถึงสิ้นปี 2559 อีกทั้งโครงการก่อสร้างรัฐสภา หนึ่งในโครงการขนาดใหญ่ที่บริษัทเซ็นต์สัญญาในช่วงดังกล่าว ให้อัตรากำไรเท่ากับศูนย์ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าช่วงกำไรขาลงได้จบลงแล้ว เราคาดไตรมาส 2/60 จะเป็นไตรมาสแรกในรอบสามปีที่บริษัทจะสามารถทำกำไรเติบโต YoY หนุนโดยรายได้จากธุรกิจก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตามมูลค่างานในมือที่มากขึ้น