ป.ป.ช. จ่อปรับแนวทางไต่สวน คดีโกงเงินวัด

ป.ป.ช. จ่อปรับแนวทางไต่สวน คดีโกงเงินวัด

"ป.ป.ช." จ่อปรับแนวทางไต่สวน คดีโกงเงินอุดหนุนวัด หวังทำงานง่ายขึ้น หลังรับสำนวนในมือเพียบ พบความเสียหาย 90 ล้าน

ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัดหลังได้รับสำนวนจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปปป.) รวม 12 สำนวนว่า ฝ่ายเลขาธิการ ป.ป.ช. เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว 7 สำนวนแรก เพื่อพิจารณาว่าจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนได้เลยหรือไม่ เหลืออีก 5 สำนวน ที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง

ขณะเดียวกันสำนักงาน ป.ป.ช. ไต่สวนข้อมูลเบื้องต้นพบอีกอย่างน้อย 60-70 สำนวน ใน 60-70 วัด ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.สงขลา จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สตูล ที่อาจมีลักษณะเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกระทำความผิดดังกล่าวด้วย โดยใช้โมเดลเดียวกันคือ โอนเงินเกินแล้วมาเรียกเงินคืน หรือเงินทอน ซึ่งขยายผลจากกรณีบุกจับกุม ผอ.สำนักพุทธฯสงขลา เมื่อปลายปี 2558

นายสรรเสริญ กล่าวว่า สำนวนที่มีเป็นจำนวนมาก จึงอาจเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปรับเปลี่ยนวิธีการในการไต่สวน เพื่อบูรณาการข้อมูลให้ทำงานง่ายขึ้น เช่น สมัยก่อนตำรวจอาจตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมารวบรวมดำเนินการ แนวทางที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอไปอาจเป็นแนวทางนี้ แต่ต้องดูคณะกรรมการ ป.ป.ช. อีกทีว่าจะเห็นชอบหรือไม่ และให้ทำรูปแบบนี้หรือไม่ เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีประสบการณ์สูง

เมื่อถามว่า ผู้ถูกกล่าวหาใน 60-70 สำนวนมีจำนวนเท่าไหร่ และมูลค่าความเสียหายทั้งหมดในกรณีนี้มีเท่าไหร่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาระดับล่างนั้น อาจเปลี่ยนไปในแต่ละจังหวัด แต่คาดว่าผู้ถูกกล่าวหาในภาพรวมอาจใกล้เคียงกันมาก เพราะพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเป็นลักษณะเดียวกันหมด ส่วนความเสียหายเท่าที่ทราบขณะนี้ประมาณ 90 ล้านบาทเศษ