ช่องโหว่โกงเงินวัด...ถึงเวลาปัดฝุ่นวัดชุดใหญ่

ช่องโหว่โกงเงินวัด...ถึงเวลาปัดฝุ่นวัดชุดใหญ่

ช่องโหว่โกงเงินวัด...ถึงเวลาปัดฝุ่นวัดชุดใหญ่

การเข้าไปตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีกว่า 4หมื่นวัด ยังคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เร็วๆนี้ และเส้นทางการเงิน ที่ผู้หวังผลประโยชน์จากเงินวัด จะสามารถยักยอกได้ จะเป็นเส้นทางไหนกันบ้าง ติดตามได้จากรายงาน 

กลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับตามอง ในการจะเข้าไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของวัดทั่วประเทศ หลังจากที่มีการยักยอกเงินวัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช จนเป็นข่าวใหญ่โต และถือเป็นการทำให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องตื่นตัว หาแนวทางให้สามารถเข้าไปตรวจสอบบัญชีวัดได้ 

บัญชีวัดที่จะส่งให้สำนักพระพุทธศาสนาตรวจสอบ ยังเป็นแค่บัญชีรายรับ-รายจ่ายขั้นพื้นฐานทั่วไป ที่แน่นอน จะต้องมีช่องโหว่ในการยักยอกเงินได้ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นในการป้องกันการยักยอกเงินที่ดี ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มความเข้มในการทำบัญชี เพื่อลดการยักยอกเงินได้เข้าบัญชีส่วนตัว 

ส่วนเงินส่วนตัวของพระลูกวัด รวมถึงเจ้าอาวาส ที่วัดบางแห่งมีรายได้มหาศาล จะเป็นการตรวจสอบขั้นต่อไป ที่สำนักพระพุทธศาสนาจะต้องดำเนินการ แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกนาน หรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะมองอีกมุมจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพระได้ ที่ถือว่าเป็นเงินส่วนตัวของพระแต่ละรูป 

การพยายามหาแนวทาง ออกกฎบังคับ ให้สำนักพระพุทธศาสนาเข้าไปมีอำนาจในการตรวจสอบบัญชี จะยังคงเป็นเพียงแค่ความหวัง เพราะสิ่งที่สำนักพระพุทธศาสนากำลังทำขณะนี้ เพียงแค่รับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ก่อนที่จะออกกฎกระทรวง หรือแก้ พรบ. คณะสงฆ์ แต่ขณะนี้เริ่มมีเสียงสะท้อนจากพระผู้ใหญ่ที่มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างในการเข้าไปตรวจสอบบัญชีในครั้งนี้ 

ความหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วที่สุด คงต้องขึ้นอยู่กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่จะสามารถดันกฎหมาย ให้มีการตรวจสอบบัญชีวัด เข้าไปให้สภาอนุมัติได้เร็วแค่ไหน 

เส้นทางทางการเงินภายในวัด ยังมีวิธีถ่ายโอนเงินจากบัญชีวัดไปยังบัญชีมูลนิธิวัด ที่เป็นอีกวิธีการที่วัด ที่มีรายได้สูงนิยมทำกัน เพราะสำนักพระพุทธศาสนาไม่สามารถเข้าไปแตะต้องได้เลย ทั้งไม่มีกฎหมายรองรับ และอยู่นอกเหนือขอบเขตการดูแล ซึ่งมูลนิธิต่างๆอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย แต่ดูเหมือนจะยังไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง 

นอกจากบัญชีวัด ที่ต้องมีการตรวจสอบแล้ว เงินอุดหนุนวัด ที่แต่ละปีมีงบประมาณหลายพันล้าน 

การยักยอกเงินอุดหนุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์ ที่จะมีเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาเป็นผู้คิดช่องทาง ทั้งขอแบ่งเงินส่วนต่าง หรือเป็นการให้โอนเงินค่าบูรณะที่เหลือจากวัดกลับคืนเข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งขณะนี้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กำลังเร่งตรวจสอบ หากเส้นทางทางการเงิน ที่ปี 2558-2559 เงินอุดหนุนหายไปเกือบ 80% ของเงินที่ได้ในแต่ละปีกว่า 4,000 ล้านบาท 

และวัดบางแห่งมีรายได้เพียงพอที่จะบูรณะวัดได้เอง กลับได้เงินอุดหนุนจากทางภาครัฐ ซึ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดบกพร่องที่สำนักพระพุทธศาสนาต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน ให้มีการอนุมัติเงินอุดหนุนวัด เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละวัด 

เมื่อได้ไปสอบถามพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งวัดสวนแก้วถือว่ามีรายได้เข้าวัดนับร้อยล้าน แต่ได้ยินยอมเปิดเผยบัญชีภายในวัดทั้งหมด เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส ก็เห็นว่า การตรวจสอบบัญชีวัด และแก้ไขการอนุมัติเงินอุดหนุนวัด เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ควรคัดแยกวัด เลือกที่จะตรวจสอบวัดที่มีรายได้สูง หรือวัดที่ได้รับเงินอุดหนุน จะช่วยลดเวลาการตรวจสอบให้น้อยลง 

อดีตนั้นวัดเคยเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เคารพ ศรัทธาของประชาชน แต่วันนี้กลับมองเห็นอีกด้านหนึ่งที่เต็มด้วยความเสื่อมโทรม เป็นช่องทางในการหาเงินของผู้ที่หวังผลประโยชน์จากเงินวัด คงต้องถึงเวลาที่ต้องปฎิรูป ปัดฝุ่นที่เกาะวัดให้ออกไปเสียที