(สกู๊ป) 5 สุดยอดการเซ็นสัญญาศึกพรีเมียร์ลีก 2016-17

(สกู๊ป) 5 สุดยอดการเซ็นสัญญาศึกพรีเมียร์ลีก 2016-17

ถึงแม้ว่าจะจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึกฟุตบอลที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2016-2017 ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการไปแล้ว

     อย่างไรก็ตามควันหลง รวมถึงสถิติต่างๆที่เกิดขึ้นในลีกสูงสุดแดนผู้ดีเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งการเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ของ เชลซี, การสร้างสนามใหม่ของ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ก็ยังเป็นที่พูดถึงอยู่จนถึงปัจจุบัน

       ล่าสุด “เดลี เมล์” สื่อชื่อดังของอังกฤษ ได้จัดอันดับ 5 การเซ็นสัญญายอดเยี่ยมในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งนักเตะใหม่เหล่านี้ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น รวมถึงประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมาย ส่วนจะมีใครกันบ้างนั้นไปติดตามพร้อมกันได้เลย

5.คริสเตียน เบนเทเก (คริสตัล พาเลซ)

      หัวหอกร่างยักษ์ทีมชาติเบลเยียมรายนี้ ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างที่หลายคนคาดหวังในถิ่นแอนฟิลด์ ทำให้สุดท้ายแล้วเจ้าตัวถูก เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ขึ้นบัญชีขายออกจากทีม และเป็น คริสตัล พาเลซ ที่ยอมทุ่มเงินกว่า 27 ล้านปอนด์ (ราว 1,176 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เพื่อคว้าตัวดาวเตะรายนี้มาร่วมทัพ โดยหวังว่า เบนเทเก จะเป็นกำลังหลักของทีมในการแข่งขันซีซั่น 2016-2017
      โดยหลังจากย้ายเข้ามาสู่ถิ่น เซลเฮิร์สท์ พาร์ค กองหน้าวัย 26 ปี ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นยันท้ายฤดูกาล เนื่องจากระบบที่เอื้ออำนวย รวมถึงการลงเล่นแบบไร้ความกดดัน ส่งผลให้ เบนเทเก กลายเป็นคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ทีม “ปราสาทเรือนแก้ว” รอดตกชั้น เนื่องจากตามสถิติแล้วเขาคือคนที่ผลิตประตูให้ทีมได้ถึง 30 % จากการทำประตูทั้งหมดของ คริสตัล พาเลซ ในซีซั่นนี้ ส่วนเกมที่ดีที่สุดของเขาในฤดูกาล คงจะหนีไม่พ้นเกมที่เจ้าตัวทำ 2 ประตูใส่ “หงส์แดง” ต้นสังกัดเก่า และช่วยใหม่ คริสตัล พาเลซ บุกเก็บ 3 คะแนนสำคัญมาจาก ลิเวอร์พูล ได้ในช่วงท้ายฤดูกาล

4.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

     เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามกับทีม “ปีศาจแดง” ในช่วงต้นซีซั่นว่า เพราะเหตุใดจึงตัดสินใจดึงตัวหัวหอกชาวสวีดิชรายนี้มาจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แม้จะเป็นการเซ็นสัญญาแบบไม่มีค่าตัวก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า เจ้าตัวมีอายุกว่า 35 ปี ซึ่งคงจะไม่สามารถยืนระยะ และโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน ในลีกที่ถือว่ามีความแข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก
     อย่างไรก็ตามหลังจากลงสนามเพียงนัดแรก ซลาตัน ก็สามารถประเดิมประตูได้ทันทีในเกม เอฟเอ คอมมูลนิตี ชิลด์ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ เลสเตอร์ ซิตี ได้ 2-1 ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นหัวใจในแนวรุกของทีม ด้วยการทำไปถึง 28 ประตูจาก จาก 46 เกมในทุกรายการ พร้อมกลบเสียงนักวิจารณ์ได้แบบไม่มีที่ติ แต่ถึงกระนั้นเขาต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากโชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีก ในเกมที่ ยูโรปา ลีกรอบ 8 ทีมเลกสองที่เอาชนะ อันเดอร์เลชท์ ในช่วงต่อเวลา 2-1 ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวต้องปิดซีซั่นก่อนกำหนด ไม่เช่นนั้นแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะมีผลงานที่ดีกว่าอันดับ 6 ในลีกก็เป็นได้

3.วิคเตอร์ วานยามา (ท็อตแนม ฮอทสเปอร์)

     กองกลางตัวรับรายนี้ โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่อยู่กับทีม เซาธ์แฮมป์ตัน จึงส่งผลให้มีหลายทีมใหญ่ร่วมลีกให้ความสนใจคว้าตัวดาวเตะรายนี้ไปร่วมทัพ ทั้ง อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายเป็นทีม “ไก่เดือยทอง” ที่มือไวคว้าตัวมิดฟิลด์ทีมชาติเคนยา รายนี้มาเสริมทัพด้วยค่าตัวสุดถูกเพียง 11 ล้านปอนด์ (ราว 479 ล้านบาท) เท่านั้น
     โดยตั้งแต่มาอยู่ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เขาก็แสดงให้เห็นถึงการตัดบอลที่แม่นยำ รวมถึงร่ายกายที่แข็งแกร่ง จนยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของทีมได้ พร้อมเบียดนักเตะตัวหลักเมื่อซีซั่นที่แล้วอย่าง มุสซา เดมเบเล ไปเป็นตัวสำรอง
     การมาของ วานยามา ส่งผลให้ สเปอร์ส มีความแข็งแกร่งในแดนกลางมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และช่วยส่งผลให้ทีมเสียประตูน้อยลงเนื่องจากกองหลังมีเป็นตัวตัดเกมแบบธรรมชาติมาแบ่งเบาภาระ โดยฤดูกาล 2015-2016 สเปอร์ส เสียประตูไป 35 ประตู ขณะทีในฤดูกาลที่ผ่านมาเสียงเพียง 26 ลูกเท่านั้น และเป็นสถิติที่น้อยสุดในลีกอีกด้วย

2.เอ็นโกโล ก็องเต้ (เชลซี)

     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นักเตะคนสำคัญของ เชลซี ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในซีซั่นนี้ และกลับมาทวงแชมป์สมัยที่ 5 ของทีมมาครองได้คงจะหนีไม่พ้น เอ็นโกโล ก็องเต้ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส โดยหลังจากที่ “สิงห์บลูส์” ได้ตัวดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้มาจาก เลสเตอร์ ซิตี ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็กลายเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางของทีมทันที ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน และมีจุดเด่นตรงความคล่องตัว และการตัดบอลที่แม่นยำ ทำให้ยากที่แนวรุกของฝ่ายตรงข้ามจะผ่านเข้าไปทำประตูได้ และทำให้ เชลซี เสียเพียง 33 ประตูเท่านั้น
      และด้วยผลงานอันสุดยอด ยังส่งผลให้ ก็องเต้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ รวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของ พรีเมียร์ลีก (สปอร์ต เพลเยอร์ ออฟ เดอะ ซีซั่น 2016-2017) มาครองอีกด้วย

1.ดาวิด ลุยซ์ (เชลซี)

     หลังจากย้ายของจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปอยู่กับทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตั้งแต่ปี 2014 ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นกองหลังที่มีค่าตัวเป็นสถิติโลก เขาก็ยึดตำแหน่งตัวหลักของทีมมาโดยตลอด แต่ในช่วงหลังเจ้าตัวมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีนัก และไม่สามารถพาทีมดังจากลีกเอิง ประสบความสำเร็จในเวทียุโรปได้
     ทำให้สุดท้ายแล้วเมื่อช่วงต้นฤดูกาล 2016-2017 ที่ผ่าน เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ทุ่มเงิน 33 ล้านปอนด์ (ราว 1,438 ล้านบาท) ดึงตัวปราการหลังทีมชาติบราซิลรายนี้กลับมาสู่ทีมเป็นครั้งที่ 2 ท่ามกลางความสงสัยจากแฟนบอล “สิงโตน้ำเงินคราม” ว่าเจ้าตัวจะกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้งได้หรือไม่
      อย่างไรก็ตามด้วยแผนการเล่น 3-4-3 ของกุนซือชาวอิตาเลียน ส่งผลให้ ลุยซ์ แสดงศักยภาพได้อย่างชัดเจนมากขึ้นทั้งความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ, การดักทางบอลที่ดี รวมถึงการเติมเกมรุก และการยิงลูกนิ่งที่แม่นยำที่เขาแสดงให้เห็นบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ จึงส่งผลให้เขากลายเป็นปราการหลังตัวหลักที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ และได้รับเลือกให้เป็นอันดับ 1 ในการเซ็นสัญญาของฤดูกาล

     ทั้งหมดนี้คือสุดยอดการเซ็นสัญญา 5 อันดับของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งต้องมาดูกันว่าในฤดูกาลหน้านั้นจะมีการซื้อขายนักเตะในดีลใดบ้าง รวมถึงจะมีใครโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นจนช่วยให้ต้นสังกัดใหม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้