‘บีซีพีจี’ เน้นขยายมาร์เก็ตแคป

‘บีซีพีจี’ เน้นขยายมาร์เก็ตแคป

"บีซีพีจี" เน้นขยายมาร์เก็ตแคป เดินหน้าโรดโชว์หวังดึงต่างชาติถือเพิ่ม เร่งศึกษาแผนลงทุนชีวมวลในประเทศ

‘บีซีพีจี’ หันเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เดินหน้าโรดโชว์หวังดึงนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้นเพิ่ม จากปัจจุบันสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติเพียง 1% คาดได้เข้าคำนวณเซ็ท 100 ที่จะประกาศรอบมิ.ย.นี้ หลังจากเข้าคำนวณเอ็มเอสซีไอแล้ว เปิดแผนธุรกิจเล็งลงทุนชีวมวลในประเทศเพิ่มหลังจากดันกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 1 เมกะวัตต์เร็วกว่าเป้าหมาย 

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) BCPG เปิดเผยว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถหากำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 1,000 เมกะวัตต์ได้เร็วกว่าเป้าหมาย โดยจะเน้นบริหารจัดการกำลังการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในมือให้ได้ประโยชน์สูงสุด

“ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในมือแล้วทะลุ 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2561 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2563 ทั้งนี้ในเป้าหมายถัดไปเราจะให้ความสำคัญกับมาร์เก็ตแคปที่ต้องเติบโต โดยจะใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ในมือเป็นสิ่งผลักดัน”

บริษัทคาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณในดัชนี SET 100 ที่จะมีการทบทวนในเดือนมิ.ย.นี้ และมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค. โดยมีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ต่างประเทศ พบผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และดึงให้เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณ ในดัชนี MSCI Global Small Cap ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.2560 ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้นบริษัทอยู่ไม่ถึง 1 %

นอกจากนี้ บริษัทให้ความสนใจที่จะกลับมีทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานด้านชีวมวล ที่มีการเติบโตสูง โดยการลงทุนให้ความสนใจทั้งการเข้าร่วมลงทุน หรือลงทุนเอง รวมถึงจะเข้าร่วมการประมูลโครงการโซลาร์สหกรณ์ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบผสมผสาน ( Hybrid ) ตั้งเป้าหมายชนะประมูล 20-30 เมกะวัตต์

ความคืบหน้าของการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ในต่างประเทศนั้น ได้ทำรายการชำระเงินและโอนหุ้นเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนข้างหน้า ส่วนการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ จำนวน 3 แห่ง จะเข้าสู่การพิจารณาของผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้ง395 เมกะวัตต์ และมีสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 174.4 เมกะวัตต์สำหรับการเติบโตของรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อน 20 % โดยจะมาจากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น