'กลุ่มโรงแรม' ไร้ผลกระทบ

'กลุ่มโรงแรม' ไร้ผลกระทบ

"กลุ่มโรงแรม" ไร้ผลกระทบ เหตุการณ์ระเบิดทั้งในและต่างประเทศ เซนเทล-เอราวัณแจงยอดจองล่วงหน้าเติบโตได้ดี

ผู้ประกอบการโรงแรมเผยสถานการณ์ระเบิดลุกลาม ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การจองห้องพัก ยังอยู่ระดับปกติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียเพิ่มขึ้น “เซนเทล”คาดไตรมาส2สัญญาณดี ด้าน“เอราวัณ”ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักยังอยู่ระดับเกิน 80% 

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร  บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)CENTEL เปิดเผยว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและ ต่างประเทศนั้น ปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบกับจำนวนผู้เข้าพักโรงแรม ซึ่งมองว่าเหตุการณ์ในไทยยังไม่รุนแรงเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน  

“เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านไม่รุนแรงมากกว่า ขณะที่อัตราการเข้าพัก การจองห้องพัก ไม่ได้ปรับลดลง นักท่องเที่ยวยังเข้าพักต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เติบโตดี”

ทั้งนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัย บริษัทได้เข้มงวดเฝ้าระวังเหตุการณ์มากขึ้นรวมถึงการประสานงานตำรวจ เพื่อรับทราบข่าวสารจากทางการอย่างใกล้ชิด 

ไตรมาสแรกบริษัทจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิ 3 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยว เนื่องจากการขาดหายไปของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลัก แต่ในไตรมาสที่2 ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียฟื้นตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดการจับจ่ายต่อห้องพักระดับที่สูง หลังจากนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์การปรับอัตราค่าใช้บริการห้องพัก เพื่อรองรับนักเที่ยวกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย 

นางสาวกันยะรัตน์ กฤษณเทวินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน  บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ERW  เปิดเผยว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ส่งผลกระทบกับการเข้าพักห้องพัก ปัจจุบันยอดการใช้บริการห้องพัก ยังอยู่ในระดับที่ดี

“เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการเข้าพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากความรุนแรงนั้นไม่ได้มาก เมื่อเทียบกับครั้งก่อน ที่มีเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์  โดยการจองห้องพักล่วงหน้านั้น ยังอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้ปรับตัวลดลงแต่อย่างใด”

ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศแม้จะมีเหตุก่อการร้ายหลายพื้นที่ทั่วโลก แต่ยังเป็นเหตุการณ์ที่ไม่รุนแรง อีกทั้งการท่องเที่ยวยังเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ หากไม่เกิดปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรง จะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวไทย ส่วนปัญหาความผันผวนค่าเงินบาทไม่ใช่ปัจจัยที่กดดัน เพราะเมื่อเทียบราคาการท่องเที่ยวของไทยยังอยู่ระดับต่ำ

ทั้งนี้ การเข้าพักไตรมาสที่ 1 พบว่ามีการเติบโตอยู่ระดับที่ดี  โดยอัตราการเข้าใช้ห้องพักโดยรวมอยู่ที่ระดับ 84 %ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับข่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ระดับ 80 % อัตราการเข้าพักโรงแรมในเขตพื้นที่กรุงเทพ ทั้ง 8 แห่งยังแข็งแกร่งอยู่ที่  88 % ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาอัตราการเข้าพักโรงแรมให้อยู่ที่ 80 % เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 79 % 

โรงแรมที่จะเปิดให้บริการในปีนี้เพิ่มเติมอีก 9 แห่ง จากแผนระยะยาวเปิดอีก 22 แห่ง ทั้งนี้ทิศทางไตรมาส2 ยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ส่วนการปรับเพิ่มราคาห้องพักไตรมาสแรกปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 4 %ปีนี้มีเป้าหมายจะปรับเพิ่มขึ้น 7% 

สำหรับกำไรกลุ่มโรงแรมในตลาดหุ้นไตรมาสแรก ยังมีทิศทางที่ดี โดย บริษัทดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีกำไร 207.65 ล้านบาท เติบโต9 %จากงวดเดียวกันปีก่อน โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา มีกำไรสุทธิ 783.01 ล้านบาท เติบโต3% บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีกำไร1,924.46ล้านบาท ลดลง 46% บริษัทเอเชียโฮเต็ล มีกำไรสุทธิ 31.42 ล้านบาท ลดลง 7% บริษัทดุสิตธานี มีกำไรสุทธิ 123.84 ล้านบาท ลดลง 20 % บริษัทโอเอชทีแอล มีกำไรสุทธิ 136.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น2 %