‘มัลติ+สมาร์ท’เทรนด์หลังยุคดิจิทัล

‘มัลติ+สมาร์ท’เทรนด์หลังยุคดิจิทัล

ยักษ์ใหญ่ในวงการเฟอร์นิเจอร์วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ และนำเสนอสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 5 ปีหลังยุคดิจิทัล ผ่านงานโมเดอร์นฟอร์ม เทรนด์ ฟอรั่ม 2017 เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนวัยทำงาน

ทั้งอุปกรณ์ใช้งานอัจฉริยะยิ่งขึ้น อาชีพ/และการศึกษาจะซับซ้อนและขอบเขตไม่ชัดเจน เศรษฐกิจเอาท์ซอร์สและธุรกิจที่เน้นขายประสบการณ์ เป็นเทรนด์นิยมของคนรุ่นใหม่

สอดรับกับแนวคิด 30 30 30 ที่ “แจ๊ค หม่า” นำเสนอไว้ที่เวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม โดย 30 แรกคือ อนาคตอีก 30 ปีข้างหน้าที่เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงโลกไปอีกมาก 30 ต่อมาคือ ธุรกิจขนาดเล็กที่มีบุคคลากรไม่เกิน 30 คน ทำหน้าที่เป็นหัวใจของงาน โดยมีหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ หรือจ้างเอาท์ซอร์ส ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังจะมา และ 30 สุดท้ายคือ คนวัย 30 ปี ที่เป็นเจนเปลี่ยนโลก

7 สิ่งที่จะต้องเจอในยุคดิจิทัล

นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบหรือทีซีดีซี นำเสนอแนวคิดและพฤติกรรมที่จะเปลี่ยนไปหลังยุคดิจิทัล จะส่งผลต่อการทำงานและสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะคนเจนวายซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถเชื่อมระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่หรือจากยุคอนาล็อกสู่ยุคดิจิทัล

“ยุคดิจิทัล เป็นชีวิต พฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนผ่านไปอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง คือแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ อินเทอร์เน็ต โซเชียลเน็ตเวิร์ค สมาร์ทดีไวซ์ และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ แพลตฟอร์มดิจิทัลนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ชีวิตขาดไม่ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ อีกทั้งเป็นแพลตฟอร์มที่มีขนาดใหญ่มากและไร้ขอบเขต”

เขาวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดในยุคแพลตฟอร์มดิจิทัลมี 7 แนวโน้มสำคัญ ดังนี้ อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ใช้งานง่ายขึ้น ฉลาดขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เกินกว่าที่เราคาด เช่น โทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอยู่นี้ เชื่อว่า ใช้งานได้ไม่ถึงครึ่งของประสิทธิภาพที่ทำได้ ขณะเดียวกันอุปกรณ์หนึ่งอย่างสามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟน สามารถทำได้ทุกอย่างทั้งถ่ายรูป พิมพ์งาน ฟังเพลง เมื่อเทียบกับในอดีต อุปกรณ์ต่างๆ แยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป

ตามมาด้วย “การสั่นสะเทือนของธุรกิจดั้งเดิม” (Disrupt) ยกตัวอย่าง โกดักส์ที่มีเทคโนโลยีสูงมากสำหรับกล้องถ่ายรูปแบบฟิล์ม และเป็นเจ้าแรกที่ขยับมาสู่กล้องดิจิทัล แต่ด้วยวิธีการคิด การวางแผนที่ไม่ตรงโจทย์ ไม่ตอบดีมานด์ทำให้โกดักส์เดินช้าไป 3 ปี ตามตลาดไม่ทัน ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว ก็ต้องโบกมือลาไป

หรือโนเกีย บริษัทที่เคยเป็นผู้นำซึ่งไม่มีใครในโลกตามทัน จนกระทั่งมาถึงช่วงที่ทุกคนมีเทคโนโลยีใกล้กันหมด เทคโนโลยีของโลกตะวันตกอย่างสหรัฐและยุโรปเริ่มถูกไล่ตามโดยเทคโนโลยีจากเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลี ที่ให้ความสำคัญกับการจับความรู้สึกของผู้ใช้ อินเทอร์เฟซของอุปกรณ์จากเกาหลีก็จะเป็นมิตรกับผู้ใช้ ใช้งานง่าย สะดวก และราคาไม่แพง ซึ่งโนเกียที่ไม่มีเรื่องเหล่านี้ก็หายไป

เทรนด์งานที่เปลี่ยนไป

ต่อมาคือ Gig Economy ระบบเศรษฐกิจที่เป็นงานชั่วคราว เอาท์ซอร์ส จะเข้ามามีความสำคัญ คนรุ่นใหม่เริ่มไม่อยากทำงานประจำ และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มีรายงานว่า ในปี 2563 ประชากรสหรัฐกว่า 40% จะทำงานในลักษณะของงานชั่วคราว
อาชีพและการศึกษาจะซับซ้อนและขอบเขตไม่ชัดเจน ทำให้จะไม่มีการเรียนจบตรงสาขาวิชา แต่จะอยู่ในลักษณะเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ต เลือกเรียนในวิชาเฉพาะที่ตัวเองชอบหรืออยากเรียนเป็นหลัก

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงลำดับที่ 5 คือ ลักษณะการทำงาน 3C ที่ต้องเจอ ได้แก่ Collaboration มีความร่วมมือกันกับทุกฝ่าย, Co-Creation การร่วมสร้างร่วมคิดด้วยกัน และ Cross Disciplinary การรวมทุกทักษะ สหสาขามาร่วมกันทำงานและแก้ปัญหา
Digital Detox ในขณะที่โลกยังคงเหวี่ยงไปมาระหว่าง 2 ฝั่งทั้งความทันสมัยและดั้งเดิม ทำให้บางครั้งต้องการการปรับ เช่น เทรนด์ Biophillia&Workplace สถานที่ทำงานที่มีธรรมชาติ มีสวนดอกไม้ สวนแนวตั้ง มีการวางดอกไม้ ต้นไม้เป็นแหล่งโอเอซิสที่มีผลต่อความสุขและสุขภาพจิตของพนักงาน ส่งผลต่อคุณภาพของงาน

และสุดท้ายคือ ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบัน ธุรกิจที่เน้นขายประสบการณ์เป็นเทรนด์ที่กำลังมา หลายคนค้นหาสินค้าและบริการที่จะสนองประสบการณ์ใหม่ เช่น ทัวร์ที่พาไปกางเต้นท์นอนแบบห้อยมาจากหน้าผา หรือทัวร์ดำน้ำกับฉลาม เป็นต้น