เส้นทางคดีฟอกเงิน 'อนันต์ อัศวโภคิน' มหาเศรษฐีหมื่นล้าน

เส้นทางคดีฟอกเงิน 'อนันต์ อัศวโภคิน' มหาเศรษฐีหมื่นล้าน

เปิดรายละเอียด! เส้นทางคดีฟอกเงิน "อนันต์ อัศวโภคิน" มหาเศรษฐีหมื่นล้าน เงื่อนปมชื้อ-ขายที่ดิน46ไร่ เกี่ยวพัน "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" และ "ธัมมชโย"

ภายหลัง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อนุมัติให้พนักงานสอบสวนสำนักคดีการเงินการธนาคาร ออกหมายเรียก อนันต์ อัศวโภคิน มหาเศรษฐีหมื่นล้าน วัย 67 ปี และเป็นประธานกรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)

โดยให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งมีที่มาจากการกรณีการยักยอกฉ้อโกงทรัพย์ของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สร้างความเสียหายมากถึง 13,000 ล้านบาท

เรื่องดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามว่า "เจ้าสัวอนันต์" ได้เข้ามาเกี่ยวข้องการฟอกเงินอย่างไร? เนื่องจากที่ผ่านมา จะปรากฏเพียงชื่อของ อลิสา อัศวโภคิน บุตรสาวของอนันต์ ที่เข้ามาเป็นตัวละครเกี่ยวข้องจากการรับซื้อที่ดิน ย่านอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในราคา 298 ล้านบาทจาก ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

หากมองลึกลงไป "อนันต์" ผู้พ่อเข้ามาเกี่ยวข้องจากการรับซื้อที่ดินคนละแปลงกับ "อลิสา" โดยแปลงที่อยู่ระหว่างเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา ก็มีที่ตั้งอยู่ในอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เช่นกัน แต่เป็นการรับซื้อต่อจาก บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี2 จำกัด

โดยภาพรวมของคดีที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของ "อนันต์" คือซื้ี่อที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 56.2 ตร.วา ซึ่งตั้งอยู่ที่อ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากนายศุภชัยฯ ซึ่งที่มาของที่ดินแปลงดังกล่าว สืบเนื่องจากศุภชัยได้นำเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ได้มาจากการฉ้อโกงประชาชน จำนวน 275 ล้านบาท ออกมาจากสหกรณ์ฯ

โดยการสั่งจ่ายเช็คหลายฉบับรวม วงเงิน 275 ล้านบาท ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เอ็ม-โฮมฯ เพื่อเทคโอเวอร์ครอบครองทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งก็คือที่ดิน3แปลง ในอำเภอคลองหลวง โดยนายศุภชัยได้ส่งคนของตนเองไปเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว และมีหนังสือกำหนดให้การบริหารจัดการบริษัท เอ็ม-โฮม อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสหกรณ์คลองจั่น จำกัด

สำหรับ บริษัท เอ็ม-โฮมฯ หากจำกันได้บริษัทแห่งนี้ มีนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายธรรมกาย เป็นกรรมการบริษัท โดยนายสัมพันธ์พร้อมกับกรรมการผู้มีอำนาจลงนามทั้ง3ราย ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต่อมา วันที่21 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการบริษัทเอ็ม-โฮม ได้มีมติให้นำที่ดินของบริษัทฯ ไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ หนึ่งในนั้น คือ ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3งาน 56.2 ตารางวา ได้มีมติขายให้อนันต์ ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดินอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ในราคาไร่ละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 93,781,000บาท

ทั้งที่ราคาประเมินที่ดินขณะนั้น ราคาตารางวาละ 15,000 บาท ซึ่งหากคิดตามราคาประเมิน ที่ดินดังกล่าวจะต้องขายในราคาประมาณ 281 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นการขายที่ดินให้กับอนันต์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินถึง 3 เท่า อันทำให้บริษัทซึ่งนั่นก็คือสหกรณ์คลองจั่นฯได้รับความเสียหาย และไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้บริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี2จำกัด แต่อย่างใด

ต่อมา อนันต์ได้ขายที่ดินแปลงที่ซื้อมาดังกล่าวนี้ต่อให้กับบุคคลอื่นในราคา 492 ล้านบาทเศษ จากนั้นอนันต์ได้นำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายประมาณ 303 ล้านบาท บริจาคให้กับมูลนิธิคุณยายจันทร์ขนนกยูง ซึ่งมีพระธัมมชโย เป็นองค์อุปถัมภ์ ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ในบริเวณมูลนิธิวัดพระธรรมกาย รวมถึงอาคารบุญรักษาด้วย

นอกจากนั้น ยังพบหลักฐานสำคัญว่า ศุภชัย ศรีศุภอักษรได้ทำหนังสือฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่ไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินฯ แสดงเจตนาถวายที่ดินโฉนดเลขที่ 31344 เนื้อที่ 46 ไร่ 3งาน 56.2 ตารางวา ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ของบริษัทเอ็มโฮมฯให้กับพระธัมมชโย โดยศุภชัยจะเป็นผู้จัดซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวและถวายให้พระธัมมชโย โดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนามของอนันต์ ซึ่งพระธัมมชโยมอบหมายให้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน

น่าสนใจว่า มีแต่ลายมือชื่อของผู้อื่นในเอกสาร แต่ศุภชัยไม่ได้ลงชื่อและไม่มีการดำเนินการตามหนังสือฉบับดังกล่าว สุดท้ายเป็นการดำเนินการผ่านการขายให้อนันต์ฯแทน ซึ่งพฤติกรรมตามที่ปรากฏในพยานเอกสารและธุรกรรมการเงิน บ่งชี้ชัดเจนว่า เงินในการซื้อที่ดินเริ่มต้นมาจากการยักยอกฉ้อโกงสหกรณ์คลองจั่น อีกทั้ง ยังไม่ใช่การซื้อขายแบบตรงไปตรงมาหรือไม่ เข้าข่ายการปิดบังอำพรางทรัพย์สินที่มีที่มาจากการกระทำความผิด

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงเห็นว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร ว่าอาจเป็นความผิดฐาน “สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” ตามมาตรา5,มาตรา9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จึงได้มีมติให้เรียกตัว "อนันต์ อัศวโภคิน" มารับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป

สำหรับ "อนันต์ อัศวโภคิน" เป็น1ใน8กลุ่มที่ถูกดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ที่ได้มาจากการยักยอกฉ้อโกงสหกรณ์คลองจั่นฯ ซึ่งดีเอสไอสอบสวนแกะรอยไปตามเส้นทางการเงิน ส่วนที่ดินแปลงอื่น ซึ่งถือครองในชื่อบริษัทเอ็ม-โฮมฯ ปัจจุบัน1แปลง ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดไท ถูกขายต่อให้กับประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ในทางการสอบสวนพบว่า เป็นการอนุมัติขายโดยคณะกรรมการบริหารสหกรณ์คลองจั่นฯ ชุดใหม่ ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวได้รับการคุ้มครองจากศาลแพ่ง คณะกรรมการฯจึงมีอำนาจสั่งซื้อขายเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับสหกรณ์คลองจั่นฯ

สำหรับในส่วนของอลิสาบุตรสาวของอนันต์นั้น เข้ามาเป็นตัวละครเกี่ยวข้อง จากการรับซื้อที่ดินย่านอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในราคา 298 ล้านบาท จากศุภชัย ศรีศุภอักษร โดยที่ดินทั้ง8แปลงที่รับซื้อไว้ มีอาณาบริเวณติดชิดแนวรั้ววัดธรรมกาย หรือปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาคารบุญรักษา โรงพยาบาลของวัดธรรมกาย ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีคำสั่งอายัดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้เป็นเวลา 90 วัน พร้อมเรียกผู้ครอบครองให้นำหลักฐานเข้าชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สินที่ถูกอายัด

โดยที่ดินผืนนี้ ศุภชัยนำเงินที่ยักยอกจากสหกรณ์คลองจั่นมาซื้อไว้ โดยถือครองในชื่อตัวเอง เมื่อขายต่อที่ดินให้อลิสา ก็ไม่ปรากฏว่าศุภชัยนำเงินส่งคืนให้กับสหกรณ์ อีกทั้งยังเป็นประเด็นที่มีพิรุธสำคัญในทางคดีว่าศุภชัยเจตนาโอนขายเปลี่ยนมือที่ดินไปให้บุคคลอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและอายัดทรัพย์ เพราะช่วงเวลาที่มีการซื้อขายที่ดินในปี 2556 นั้น สหกรณ์คลองจั่นฯขาดสภาพคล่องทางการเงิน และศุภชัยถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในคดียักยอกฉ้อโกงสหกรณ์แล้ว

ก่อนหน้านี้ ในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ มองว่าการรับซื้อของอลิสาเป็นการซื้อโดยสุจริต กระทั่งพบว่าที่ดินดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารบุญรักษา มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ศิษย์ธรรมกายร่วมกันบริจาคเงินเพื่อซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อเจตนาในการรับซื้อและใช้ประโยชน์ในที่ดินชัดเจนมาตั้งแต่ต้น แล้วด้วยเหตุผลสมควรอย่างไร ที่ดินแปลงนี้ จึงยังถือครองอยู่ในชื่อของอลิสา

จึงเกิดเป็นคำถามว่า ตกลงแล้วมีการซื้อขาย ชำระเงินกันจริงหรือไม่ และเงินที่นำมาใช้ซื้อที่ดินแปลงนี้ มีที่มาอย่างไร ซึ่งอลิสาผู้มีชื่อครอบครองที่ดิน มีภาระต้องนำหลักฐานเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ซึ่งมีคำสั่งอายัดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นคดีฟอกเงินในทางแพ่ง ปปง.ดำเนินการกับอลิสาผู้ลูก แต่อลิสา ยังไม่ถูกดีเอสไอดำเนินคดีในคดีฟอกเงินในทางอาญา

ต้องติดตามและเกาะติดกันต่อไป เกี่ยวกับสองพ่อลูก "อนันต์-อลิสา" เพราะเป็นหนังม้วนยาวแน่ๆ!!?