SECTOR : ENERGY - กลุ่มถ่านหินเด่น

SECTOR : ENERGY - กลุ่มถ่านหินเด่น

เลือก BANPU เป็น Top Pick กลุ่มพลังงาน

- แนวโน้มราคาน้ำมัน-ทรงตัว – คาดราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในกรอบ 48-54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.24 แสนบาร์เรลต่อวันสู่ 9.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามการผลิตน้ำมัน Shale oil ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสู่ 683 แท่นซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี (ตามภาพจำนวนแท่นขุดเจาะฯ ด้านซ้าย) อย่างไรก็ตาม EIA คาดว่าอุปทานและอุปสงค์ของน้ำมันในตลาดโลกจะเข้าสู่จุดสมดุลในช่วงครึ่งปีที่ระดับ 97.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากอุปทานมีแนวโน้มลดลงหลังซาอุดิอาระเบียสนับสนุนให้มีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 6 เดือนจนถึงปลายปี 60 โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการประชุมรมว.น้ำมันกลุ่มโอเปกในวันที่ 25 พ.ค. นี้

- ค่าการกลั่นไตรมาส 1/60 อ่อนตัวลงเล็กน้อย – ฝ่ายวิจัยคาดค่าการกลั่นไตรมาส 1/60 ปรับตัวลง 0.5-1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก Spreadน้ำมันอากาศยาน Spreadน้ำมันดีเซล และSpreadน้ำมันเตาปรับตัวลง -8%QoQ -2%QoQ และ -87%QoQ ตามลำดับ ขณะที่ Spreadน้ำมันเบนซินยังทรงตัว เนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงแต่ราคาน้ำมันสำเร็จปรับขึ้นช้ากว่าเพราะผ่านช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการสูงสุดไปแล้ว นอกจากนี้กลุ่มโรงกลั่นได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 1/60 ปรับตัวลง 6%QTD เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของแหล่งผลิต Shale oil ในสหรัฐคอยกดดันผลประกอบการเพิ่มเติม

- แนวโน้มราคาถ่านหิน – ทรงตัว คาดราคาถ่านหินไตรมาส 2/60 จะทรงตัวในกรอบ 72-83 ดอลลาร์ต่อตัน โดยมีความเสี่ยงในการปรับตัวลงที่จำกัด เนื่องจากทางการจีนมีแผนปิดเหมือนถ่านหินกว่า 500 แห่งในปีนี้เพื่อเป็นการลดอุปทานและลดมลภาวะในประเทศ อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะออกนโยบายเพื่อควบคุมปริมาณการผลิตถ่านหิน เช่น ปรับลดจำนวนวันทำงานเหลือ 276 วันต่อปีเพื่อลดอุปทานเพราะในปัจจุบันได้ผ่านช่วงที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูงสุดไปแล้ว (ปัจจุบันเวลาการทำงานของเหมืองถ่านหินในจีนอยู่ที่ 330 วันต่อปี) โดยจีนเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ของโลกราว 4.5 พันล้านตันคิดเป็นสัดส่วน 50% ของกำลังการผลิตทั่วโลก ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลจีนจึงมีผลต่อราคาถ่านหินโลกอย่างมาก


PTTEP : ได้รับผลบวกราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นและการเปิดประมูลแหล่งบงกชเร็วกว่าคาด

- ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจผลิตของ PTTEP หลังราคาน้ำมันทรงตัวในกรอบ 47-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งราคาขายก๊าซธรรมชาติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามราคาน้ำมันเตาซึ่งหนุนให้ราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4/59 ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าลดต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่องช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม ล่าสุด(ณ เดือนธ.ค.59) ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 30.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (Cash cost อยู่ที่ 12.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) นอกจากนี้รัฐบาลเตรียมเปิดประมูลแหล่งเอราวัณ-บงกช ภายในเดือนก.ค.นี้ ซึ่ง PTTEP เป็นผู้รับสัมปทานแหล่งบงกชในปัจจุบัน จึงมีความรู้และความชำนาญในการดำเนินการผลิตและสำรวจแหล่งดังกล่าว หากบริษัทชนะประมูลจะลดความกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนแท่นขุดเจาะในอนาคต แต่ด้วยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นใกล้ราคาเหมาะสมที่ 97 บาท จึงแนะนำเพียง “ถือ”

PTTGC : ธุรกิจอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์เด่น แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นอ่อนตัว

- ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการของ PTTGC จะปรับตัวดีขึ้นตามผลประกอบการธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ Spreadผลิตภัณฑ์เบนซีน(Benzene) และ Spreadพาราไซลีน(Paraxylene) ปรับตัวขึ้น 59% QoQและ 17% QoQ ตามลำดับ อีกทั้งคาดว่าผลประกอบการธุรกิจโอเลฟินส์จะปรับตัวดีขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ HDPE LDPE และ LLDPE ที่ปรับตัวขึ้น 4%QoQ 8%QoQ 7%QoQ ตามลำดับ อย่างไรก็ตามผลประกอบการธุรกิจโรงกลั่นมีแนวโน้มอ่อนตัวลงตามค่าการกลั่นที่ลดลง 0.5-1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง 6% จากต้นปี อย่างไรก็ตามบริษัทยังมี Upside จากการซื้อบริษัทจาก PTT 6 บริษัทคาดใช้เงินลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท (จะเริ่มรับโอนบริษัทช่วง ต.ค.60) ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรได้ราวปีละ 2.4 -2.6พันล้านบาท พร้อมกันนี้เตรียมนำบริษัท GGC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย(สัดส่วนถือหุ้น 75% หลัง IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือนพ.ค.นี้

BANPU : คาดราคาขายหินเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 35-45% จากปีก่อนเป็นบวกต่อผลประกอบการ

- ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/60 จะปรับตัวดีขึ้นตามราคาขายถ่านหินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 65-70 ดอลลาร์ต่อตัน(ส่วนลด 15% จาก Newcastle Coal Price ที่ 72-83 ดอลลาร์ต่อตัน) ขณะที่คาดว่าต้นทุนการผลิตจะอยู่ที่ราว 38-51 ดอลลาร์ต่อตันเพิ่มขึ้น10-15%YoY เนื่องจากเริ่มขุดถ่านหินในพื้นที่ลึกขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวขึ้น ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการปี 60 อยู่ที่ราว 9 พันล้านบาท +438%YoY เนื่องจากคาดว่าราคาถ่านหินโลกในปี 60 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 72-83 ดอลลาร์ต่อตันโดยมีความเสี่ยงในการปรับตัวลงจำกัด เพราะทางการจีนมีแผนปิดเหมือนถ่านหินกว่า 500 แห่งในปีนี้เพื่อเป็นการลดอุปทานและลดมลภาวะในประเทศ