TISCO - ซื้อ

TISCO - ซื้อ

ยังคงรักษาการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นการลงทุน

เรามองว่าผลการดำเนินงานของ TISCO ยังคงเติบโตได้ดีในปีนี้และปีต่อๆไป หนุนด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ธนาคารสามารถปรับลดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้หนี้สูญฯ และยังเป็นการขยายตัวของสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังปี 2560 จากการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยจำนวน 40 พันล้านบาทจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ประเทศไทย (SCBT)ในช่วงไตรมาส 3/60 ผลดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่า TISCO จะรายงานกำไร 6 พันล้านบาทในปี 2560 (เพิ่มขึ้น 20%) และ 6.5 พันล้านบาทในปี 2561 (เพิ่มขึ้น 8%) เรายังคงแนะนำ ซื้อ เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) กำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก การตั้งสำรองหนี้เพื่อสูญฯที่ลดลง, 2) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง และ3)อัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับที่ดี โดย CAR ของ TISCO ในปัจจุบันอยู่ที่ 19.8% ซึ่งทางธนาคารไม่จำเป็นต้องมีไว้มากภายใต้ภาวะการขยายฐานธุรกิจที่ไม่
มากนักในปี 2561

เน้นสินเชื่อให้ผลตอบแทนสูง รวมการซื้อพอร์ตสินเชื่อปลายปี

TISCO หันมาเน้นธุรกิจไมโครไฟแนนซ์และสินเชื่อผู้บริโภคที่ให้ผลตอบแทนสูง (ปัจจุบันอยู่ที่ 25% ของสินเชื่อทั้งหมด) เช่น สินเชื่อรายบุคคล, สินเชื่อรถยนต์ค้ำ (สมหวังเงินสั่งได้) และสินเชื่อรถยนต์มือสอง โดยปกติแล้วสินเชื่อประเภทนี้จะให้ผลตอบแทนในช่วง 12-15% เทียบกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ซึ่งอยู่เพียงแค่ 6-7% ทั้งนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่คาดว่าจะปรับตัวลดลง YoY และสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น เราคาดการณ์ว่าในปี 2560 สินเชื่อจากธุรกิจเดิมจะค่อนข้างทรงตัว YoY หากแต่การเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อรายย่อยถึง 40 พันล้านบาทจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ประเทศไทย (SCBT) จะก่อให้เกิดการเติบโตของสินเชื่อที่ 17% ในปี 2560 ซึ่งอาจจะเป็นการขยายความสามารถในการปล่อยสินเชื่อแก่ TISCO ในปีหน้า เนื่องจากได้ฐานลูกค้าใหม่ แต่สำหรับตอนนี้ เราตั้งข้อสันนิฐานเชิงอนุรักษ์นิยมว่าการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่เพียงแค่ 3% สำหรับปี 2561

สินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง-=การตั้งสำรองหนี้สูญฯจะลดลง

จากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯสะสมที่สูงถึง 164% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.4% ดังนั้น TISCO มีโอกาสที่จะปรับลดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯลงจากปีที่แล้วมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประมาณการปัจจุบันของเรา โดยปีที่ผ่านมาธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่ 3.9 พันล้านบาท สำหรับปีนี้เราประมาณการการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ ที่ 3.2 พันล้านบาท ในปี 2560 และ 3.7 พันล้านบาทในปีหน้า โดยเราคาดว่า TISCO ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯปี 2560 ประมาณ 1.3% ของสินเชื่อและ 1.4% ปี 2561

มีอัพไซด์ต่อสมมติฐานหากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าคาด

หากดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เปลี่ยนแปลงในปีนี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของTISCO ที่ 4.1% อาจลดลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจาก TISCO มีแผนที่จะระดมเงินฝากเพื่อเข้าซื้อสินเชื่อของ SCBT มูลค่า 40 ล้านบาท เข้าพอร์ต ดังนั้น เราจึงประมาณการส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอย่างอนุรักษ์นิยมที่ 3.9% สำหรับปี 2560 และ 2561 หาก TISCO
สามารถทำส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่าที่เราคาดในปีนี้และปีหน้า จะทำให้มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2560 และ 2561 ของเรา สังเกตุว่า สินเชื่อรายย่อยของ SCBT ให้อัตราดอกเบี้ยมากกว่ากลุ่มสินเชื่อรายย่อยของTISCO โดย สินเชื่อบุคคล (ซึ่งอัตราดอกเบี้ยมีเพดานที่ 28%) และสินเชื่อบัตรเครดิต (ซึ่งอัตราดอกเบี้ยมีเพดานที่ 20%)