'นักค้าทอง' เตือน ระวังแรงขายทำกำไร

'นักค้าทอง' เตือน ระวังแรงขายทำกำไร

นักลงทุนแห่ซื้อ "ทองคำ" เตือนระวังแรงขายทำกำไร

ราคาทองคำในช่วงเช้าวานนี้ (17 เม.ย.) ยังคงพุ่งทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องที่ระดับ 1,295 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและซีเรียที่ดูทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง

ความตึงเครียดดังกล่าวเพิ่มขึ้น หลังจากสหรัฐยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรีย และยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อสหรัฐส่งกองเรือโจมตีไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งใกล้กับคาบสมุทรเกาหลี ในขณะที่เกาหลีเหนือขู่สหรัฐว่า พร้อมทำสงครามและพร้อมที่จะโจมตีสหรัฐด้วยระเบิดนิวเคลียร์ โดยเกาหลีเหนือเพิ่งจะทดสอบขีปนาวุธเป็นครั้งที่ 6 ในช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม

นอกจากนี้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา สหรัฐได้ทิ้งระเบิด GBU-43 ซึ่งเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สุดที่ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ลงในอัฟกานิสถาน เพื่อโจมตีกลุ่มไอเอส ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างน้อย 36 ราย ในขณะที่กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยซื้อเพิ่ม 12.63 ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

กมลธัญ พรไพศาลวิจิต” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด มองว่า ภาพความขัดแย้งนี้ทำให้ทิศทางราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น ซึ่งหากความขัดแย้งมีความรุนแรงและก่อให้เกิดสงครามอาจผลักดันให้ราคาทองคำแตะ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

“ความขัดแย้งในต่างประเทศโดยเฉพาะในคาบสมุทรเกาหลีย่อมส่งผลดีต่อทิศทางราคาทองคำแน่นอน ซึ่งเป็นภาพที่บวกกว่าที่ประเมินไว้จากต้นปี หากความขัดแย้งมีความรุนแรงมากกว่าที่คาด หรือเกิดสงครามขึ้นอาจผลักดันให้ราคาทองคำแตะ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจผลักดันให้ราคาทองคำในประเทศสูงสุดที่ 21,900 บาทต่อบาททองคำ”

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความขัดแย้ง ดูเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ระยะสั้นราคาทองคำยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ที่ 1,290-1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 21,000 บาท ซึ่งปัจจัยความขัดแย้งนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนทองคำต้องติดตามมากที่สุด ส่วนเรื่องการปรับดอกเบี้ยสหรัฐนั้น เป็นสิ่งที่นักลงทุนได้รับรู้อยู่แล้ว

ส่วนราคาทองคำปัจจุบันเคลื่อนไหวในระดับ 1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นระดับที่สูงที่สุดรอบ 1 ปีนับจากเดือนมี.ค. 2559 โดยคำแนะนำในการลงทุนทองคำ หากเป็นนักลงทุนระยะสั้นสามารถเข้าเก็งกำไรได้รอขายที่แนวต้าน 1,300-1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่มีทองคำอยู่แล้ว สามารถทยอยขายทำกำไรได้

“พิชญา พิสุทธิกุล” อุปนายกสมาคมค้าทองคำ มองว่า ปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือการเคลื่อนไหวของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือจะมีความรุนแรงเพียงใดหากมีความรุนแรงย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับราคาทองคำอย่างแน่นอน

“ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีเป็นสิ่งที่ต้องจับตา เพราะหากมีความรุนแรงย่อมส่งผลกระทบให้นักลงทุนหันหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นแล้วว่า นักลงทุนเริ่มเคลื่อนย้ายเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น มาลงทุนในตลาดทองคำมากขึ้น

สำหรับราคาทองคำในประเทศระยะสั้น มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 21,500-22,000 บาทต่อบาททองคำ ส่วนกรอบล่างมองว่าราคาทองคำจะไม่ต่ำกว่า 19,500 บาทต่อบาททองคำ จึงแนะนำนักลงทุนเข้าเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำปรับลดลงต่ำกว่า 20,000 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ตาม หลังราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังไม่พบว่ามีประชาชนนำทองคำเข้ามาขายที่หน้าร้านทองแต่อย่างใด โดยส่วนตัวประเมินว่าเนื่องจากยังเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์อยู่ ซึ่งต้องรอดูหลังการเปิดทำการของหน่วยราชการอีกครั้ง ทั้งนี้ทางฝั่งผู้ค้าทองคำมีความพร้อมหากมีแรงขายจากประชาชนทั่วไปเข้ามาที่ร้าน

“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส มองว่า ราคาทองคำนั้นหากพิจารณาจากต้นปีจะพบว่าปรับขึ้นไปค่อนข้างมาก ซึ่งนักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังหากไม่มีกระแสข่าวเข้ามาหนุนต่ออาจเกิดการขายทำกำไรออกมาได้ซึ่งนักลงทุนที่ยังไม่มีทองคำยังไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่ม แต่หากมีการถือทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์ส ให้หาจังหวะทยอยขายทำกำไร