ลุ้น 'หุ้นไทย' ฝ่าด่าน1,600 จุด

ลุ้น 'หุ้นไทย' ฝ่าด่าน1,600 จุด

ลุ้นหุ้นไทย "ฝ่าด่าน1,600 จุด" ไตรมาส2กูรูแนะจับตาปัจจัยต่างประเทศกดดัน โบรกต่างชาติประเมินครึ่งปีหลังเงินทุนยังไหลเข้าต่อเนื่อง

โบรกเกอร์คาดดัชนีหุ้นไทยไตรมาส2ปีนี้ มีโอกาสลุ้นแตะ1,600 จุด แต่ต้องเกาะติดปัจจัยต่างประเทศใกล้ชิดจะกดดันความเชื่อมั่นแค่ไหน ด้านโบรกเกอร์ต่างชาติ ชี้สัญญาณเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลัง ขณะที่การเมืองเดินหน้าหนุนดัชนี1,700จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 2 มองว่าทิศทางดัชนีจะแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลุ้นทดสอบ 1,600 จุด โดยปัจจัยหลักที่จะเข้ามาสนับสนุนนั้น จะเป็นเรื่องเม็ดเงินต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

“ทิศทางเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าหุ้นไทย ซึ่งเราเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 2 และยังเห็นสัญญาณที่ดีคือ ต่างชาติยังเปิดสถานะ long ในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นสัญญาณซื้อ ส่งผลบวกต่อภาพการไหลเข้าของเงินทุนในอนาคต”

หากพิจารณาปัจจัยพื้นพื้นฐานของไทยนั้น ยังมีทิศทางที่ดี โดยบล.เอเซียพลัสประเมินการเติบโตกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนปี2560 จะเติบโตจากปีก่อนที่ 7.1 % ซึ่งเป็นการกลับมาเติบโตปกติอีกครั้ง โดยการเข้าลงทุนหุ้นไทยหลังจากนี้ จึงแนะนำให้เข้าซื้อหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งกลุ่มธนาคาร และกลุ่มธุรกิจประกัน

นาย ไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ภาพตลาดหุ้นไทยไตรมาสที่ 2 น่าเคลื่อนไหวไม่แตกต่างจากไตรมาสที่ 1ที่ผ่านมา โดยมองว่าปรับตัวในกรอบจำกัด เนื่องจากปัจจัยที่มีอิทธิพลโดยเฉพาะในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศกดดันตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

“สิ่งที่ต้องจับตา คือปัจจัยจากต่างประเทศที่เริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐที่เริ่มมีการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และเริ่มถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าจะสามารถทำได้ตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี หาเสียงไว้หรือไม่ รวมถึงปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความเสี่ยงสหภาพยุโรปที่เริ่มมีมาตรการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้ต้องติดตาม”

ส่วนปัจจัยในประเทศนั้น ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ซึ่งการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้มากขึ้น เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเดินตามโรดแมพ คาดว่าการเลือกตั้งหลังจากนี้น่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส3 หรือไตรมาส4 ของปี 2561

ปัจจัยที่จะทำให้การเลือกตั้งนั้นเกิดขึ้นเร็วหรือไม่ คือ การร่างกฎหมายสำคัญ 10 ฉบับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ หากทำได้เร็วก็จะช่วยให้เกิดการเลือกตั้งเร็ว หลังจากนี้เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลจะเร่งการลงทุนให้เร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ(EEC) รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตามเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในช่วงต้นปี มองว่าไม่ได้ไหลเข้ามากนัก โดยตลาดหุ้นไทยจากต้นปีถึงปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นระดับ 1-2 % เท่านั้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยปัจจุบันทำการซื้อขายอยู่ในระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น(พีอีเรโช) คาดการณ์ล่วงหน้าอยู่ที่ 16 เท่า ซึ่งถือว่าไม่ถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย ทั้งนี้คำแนะนำการลงทุน คือการให้ติดตามสถานการณ์ตลาดหุ้นช่วงครึ่งปีหลังว่า จะมีการปรับฐานหรือไม่ ส่วนนักลงทุนที่เน้นการลงทุนยาวเกิน 6-9 เดือน ยังสามารถเข้าลงทุนได้

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตลาดหุ้นไทย ยังได้รับความสนใจจากต่างชาติ เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังไหลเข้า และทำให้เชื่อว่าปีนี้นักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

“ปีนี้ต่างชาติจะซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่มูลค่ารวมอาจน้อยกว่าปีก่อน เหตุผลหลักที่สนับสนุนให้มีแรงซื้อเกิดจากความมั่นใจการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยรวมถึงการกำหนดวันเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจนแล้ว”

ตลาดหุ้นไตรมาสที่ 2 มองว่าดัชนีจะแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น และมีโอกาสลุ้นดัชนีจะทดสอบ 1,600 จุด ช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้า ดัชนีน่าจะขึ้นไปทดสอบ ระดับ 1,700 จุด โดยจะได้รับแรงหนุนจากกลุ่มธนาคารที่จะฟื้นตัวโดดเด่น หลังจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ปรับตัวลดลง และทำให้ความสามารถทำกำไรของธนาคารเริ่มเห็นการฟื้นตัว

ปัจจัยที่จะเข้ามากระทบระยะสั้น ทั้งความขัดแย้งในของกลุ่มประเทศขนาดใหญ่นั้น ส่วนตัวไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่เชื่อว่าจะมีสงครามโลกเกิดขึ้นระยะเวลาสั้น ส่วนปัจจัยในประเทศการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าโรดแมพของไทยยังเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ และช่วยสร้างความมั่นใจของต่างชาติ เพราะนักลงทุนมักจะชอบสิ่งที่ชัดเจน

ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ช่วงวันที่ 17 มี.ค. 2560ถึงวันที่ 10 เม.ย.2560มูลค่ารวม 2.18 หมื่นล้านบาท ผลักดันดัชนีจาก1,560 จุด ขึ้นไปอยู่ที่1,581 จุด