พระเมรุมาศคืบหน้า 30%

ความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวิธานสถาปกศาลา (โรงขยายแบบ) ทอดพระเนตรความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างพระเมรุมาศ รวมถึงอาคารประกอบ งานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ จัดสร้างพระโกศจันทน์ และงานประณีตศิลป์ ได้แก่ งานจัดสร้างพระโกศจันทน์ พระโกศทองคำลงยาทรงพระบรมอัฐิ รวมถึงการบูรณปฎิสังขรณ์ราชรถพระยานมาศ ได้แก่ ราชรถราเชนทรยาน การจัดสร้างพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย เพื่อใช้ในการอัญเชิญพระสรีรางคาร โดยมีผู้บริหารมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานเฝ้ากราบบังคมทูลถวายรายงาน

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยว่า การจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ภาพรวมการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบต่างๆถือว่าก้าวหน้าไปกว่า 30% เร็วกว่าแผนงานที่กำหนดไว้ แต่เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ รวมทั้งยังเน้นเรื่องความแข็งแรง มั่นคงและปลอดภัย

นอกจากนั้น มีระบบทดสอบตรวจจับทิศทางลมด้วยกล้องอย่างดี เพื่อดูความสั่นสะเทือนของเสาแต่ละต้น แม้ว่าช่วงนี้จะมีลมแรงจากพายุฝนฤดูร้อนบ้างก็ไม่ได้รับผลกระทบ คาดว่าการดำเนินงานทุกอย่างจะแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นเดือนกันยายน 2560 อย่างแน่นอน เพื่อจะได้มีเวลาดำเนินการงานศิลปกรรมและภูมิทัศน์ด้วยความละเอียดและประณีตให้ออกมาเป็นความงดงามเหมือนยกสรวงสวรรค์มาไว้ และเมื่อทราบวันที่ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ แล้ว ก็จะสามารถนับถอยหลังดำเนินการได้

รองนายกฯ กล่าวต่อไปว่า การจัดสร้างพระเมรุมาศนั้นงานโครงสร้างแล้วเสร็จ 55% โดยได้วางฐานราก ตั้งเสาบุษบกประธาน บุษบกซ่าง และบุษบกหอเปลื้องแล้วเสร็จเรียบร้อยทั้ง 9 องค์ และเริ่มขึ้นโครงหลังคาชั้นเชิงกลอนของบุษบกชั้นที่ 4 จากทั้งหมด 7 ชั้น คาดว่าเรือนยอดบุษษกทั้ง 9 ยอดจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2560 ทั้งนี้ โครงสร้างของพระเมรุมาศจะรองรับการติดตั้งลิฟต์ทั้งหมด 2 จุด ได้แก่ จุดแรก จากพื้นจนถึงชั้นที่ประดิษฐานพระจิตกาธาน ซึ่งเป็นชั้นบนสุด บริเวณฝั่งทิศตะวันออก รับการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์

และจุดที่ 2 บริเวณทางขึ้นฝั่งทิศใต้สำหรับพระวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารในพระองค์ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นลิฟท์สำรองกรณีฉุกเฉิน อีกทั้งยังจัดทำแบบซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั้งหมด 3 แบบ ส่งให้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อนำไปให้วัดและสถานที่ต่างๆที่กำหนดให้มีการตั้งจุดถวายดอกไม้จันทน์ดำเนินการจัดสร้าง โดยในส่วนของ กต.จะส่งต่อให้กับสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆ ดำเนินการ

ด้าน นายพิจิตร นิ่มงาม นายช่างศิลปกรรมอาวุโส สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กล่าวว่า การจัดสร้างหีบพระบรมศพจันทน์ ได้จัดทำโครงสร้างโลหะคืบหน้าไปแล้ว 60% เมื่อเรียบร้อยก็จะทำการบุตาข่ายลวดเพื่อนำลวดลายที่ได้ฉลุมาประกอบติดพระหีบจันทน์ตามตำแหน่งที่วางไว้ ซึ่งลวดลายต่างๆได้จัดทำคืบหน้าแล้ว 70% ส่วนงานสร้างพระโกศจันทน์ กำลังเริ่มเขียนรูปทรงโครงสร้างขนาดเท่าจริง 

อย่างไรก็ตาม ตามแผนงานจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้ สำหรับการดำเนินการจัดสร้างพระโกศจันทน์ครั้งนี้ นอกจากจะมีช่างจิตอาสาที่คัดเลือกมาร่วมงานแล้ว ยังมีจิตอาสาจากจังหวัดลำปางที่เพิ่งเข้ามาช่วยงานอีกจำนวน 25 คน ได้แก่ นักเรียนนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคลำปางมาช่วยงานโกรกฉลุลวดลาย และเด็กนักเรียนจากโรงเรียนแจ้ห่มวิทยา ช่วยงานขัดกระดาษทรายไม้จันทน์

ขณะที่ ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวว่า ได้ร่วมกับกลุ่มงานประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า จัดทำแบบจำลองสระอโนดาต ภูมิสถาปัตยกรรมรอบพระเมรุมาศ ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งการออกแบบครั้งนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อสื่อให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพและพระราชกรณียกิจด้านน้ำของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในอัตราส่วน 1 ต่อ 10 โดยออกแบบเป็นสระน้ำล้นสีมรกต ประดับด้วยโขดหินแบบไทย และสัตว์หิมพานต์ ช้าง ม้า วัว สิงห์ แบ่งเป็น 4 ทิศ ๆ ละ 30 ตัว ได้แก่ ทิศเหนือ เป็นสัตว์ตระกูล ช้าง ทิศใต้ เป็นสัตว์ตระกูล วัว ทิศตะวันออก เป็น สิงห์ และทิศใต้ เป็น ม้า จากนั้น จะมีการถอดแบบสำหรับจัดสร้างเท่าขนาดจริง โดยได้นำภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดสุทัศนเทพวรารามนำมาเป็นต้นแบบในการดำเนินการ

นางวิจิตร ไชยวิชิต ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า ช่างสิบหมู่ได้ออกแบบพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย สำหรับใช้ในการอัญเชิญพระสรีรางคาร ได้ขยายแบบแล้วเสร็จ โดยใช้รูปทรงของราชรถราเชนทรยาน มาเป็นต้นแบบ แต่เป็นโครงสร้างไม้ทรงบุษบก ตัวเรือนทำด้วยไม้ สลักลวดลายกระจังปฎิญาณ ประดับครุฑยุดนาค แต่ไม่มีพนักพิงซึ่งต่างจากราชรถราเชนทรยาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขึ้นโครงสร้างตัวเรือน เตรียมลงมือแกะสลักลวดลายหน้ากระดาน และฐานสิงห์ มีความสูง 4.10 เมตร ซึ่งสำนักช่างสิบหมู่จะเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเองทั้งหมด