สาวห้างทิ้งเงินเดือน หันเป็นเจ้าของฟาร์มสเตย์ 

นางสาวจารุวรรณ เอกบัว อายุ 38 ปี สาวชาวอีสาน จังหวัดขอนแก่น ที่แต่เดิม ทำงานเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไปไต่เต้าจาก พนักงานห้างค้าปลีกข้ามชาติ จนกลายเป็นผู้จัดการเขต และเลือกจังหวัดแพร่ ในการลงหลักปักฐาน ด้วยความที่เป็นผู้จัดการ แผนก อาหารสด ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่เป็นเกษตรกร ปลูกพืชผัก ผลไม้ โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทำให้ตัดสินใจลาออกจากงาน และหันมาเป็นเกษตรกร ดำรงชีวิตแบบพอเพียงบนดอย บ้านน้ำพร้าว อ.เด่นชัย จ.แพร่ บนพื้นที่ 8 ไร่ 

โดยจารุวรรณ เปิดเผยว่า เรามองเห็น เรามีประสบการณ์จากการเป็นพนักงาน จนถึงผู้จัดการ ทำให้เห็นวงจร และ กระบวนการ ทำให้ มีแนวคิดว่า อยากปลูกพืชผัก ทำเกษตรพอเพียง และปลูกพืช ตระกูลเบอร์รี่ ที่สามารถปลูกขึ้นได้ดีในเมืองไทย ในภาคเหนือ ในแพร่ โดยไม่ใช้สารเคมี สุดท้ายมาลงตัวที่หม่อน เพราะถิ่นกำเนิดเป็นคนอีสาน ตั้งแต่เด็กได้สัมผัสการเลี้ยงไหม ปลูกต้นหม่อน 

จากความรู้เริ่มแรกคือ เรามีความรู้และผูกพันกับหม่อน มาตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากงาน ได้ไปขอกิ่งพันธ์จากรมหม่อนไหม อ.เด่นชัย จ.แพร่ ได้รับการสนับสนุน ต้นหม่อนมาจำนวน 200 ต้น ได้เริ่มปลูก หาซื้อที่ 8 ไร่ ในราคา 100,000 บาท มีต้นหม่อน ทั้งหมด 300 ต้น ใช้ระยะเวลา 6 เดือน สามารถเก็บผลผลิตได้ พอครบ 1 ปี ต้นหม่อนให้ผลผลิต เต็มที่ 

ปีแรกได้ 500 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งในปีแรกไปขายเอง สามารถขายหมด ในไม่กี่วัน จนปัจจุบัน สามารถเก็บผลิตได้ เต็มที่ ปีละกว่า 1,000 กิโลกรัม โดยให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้งคือหน้าฝน ช่วงเดือนมิถุนายน และช่วงหน้าร้อน ระหว่าง กุมภาพันธ์ – ต้นเมษายน หม่อนอยู่ได้ทุกสภาวะ ยกเว้นน้ำท่วมขัง จะทำให้รากเน่า และไม่ให้ผลผลิต ปัจจุบัน หม่อน 300 ต้นที่ปลูก ให้ผลผลิต และมีรายได้เข้ามาทุกวัน

ส่วนผลสดของหม่อน เก็บได้เดือนมีนาคม เมษายน และ มิถุนายน ถึง สิงหาคม นอกจากการเก็บผลหม่อนสดจำหน่ายทุกวันแล้ว ยังนำมาแปรรูปทำน้ำหม่อนส่งขาย ในตัวเมืองแพร่ และแยมหม่อน รวมถึงขนมปังโฮลวีท ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวันจากการทำการเกษตรแบบพอเพียง ลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ ถึงสวน Mulberry Farmที่ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย ขณะเดียวกันก็ขยายผลออกไปเป็นฟาร์มสเตย์ คือนักท่องเที่ยวสามารถเข้าพักในกระท่อมภายในไร่ได้ และมีกิจกรรมร่วมกันภายในMulberry Farm