ปลัดคลังลุยแก้กม.กบข. เพิ่มช่องทางหารายได้

ปลัดคลังลุยแก้กม.กบข. เพิ่มช่องทางหารายได้

"ปลัดคลัง" เตรียมเสนอแก้กฎหมายให้ "กบข." บริหารกองทุนอื่นแข่งกับ บลจ. ชี้อยู่ในขั้นตอนสศค.พิจารณาในรายละเอียด

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการจัดงานประชุมนานาชาติ เรื่องระบบบำนาญและการลงทุน จัดโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข.ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย กบข. เพื่อให้กบข.สามารถไปรับ หรือ แข่งขันเพื่อบริหารกองทุนอื่นได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. พิจารณาในรายละเอียด

“ในส่วนของการแก้ไขกฎหมาย กบข. นั้น มองว่า จะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะให้กบข. ไปแข่งขันกับที่อื่นๆในการบริหารกองทุนได้ เช่นเดียวกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. โดยกระบวนการต่างๆ อยู่ระหว่าง สศค. พิจารณา ซึ่งในเบื้องต้นนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็เห็นด้วย”นายสมชัย กล่าว

ด้านความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ กบช. ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในช่วงเดือนมกราคม 2561 ทั้งนี้ มองว่า กองทุนดังกล่าวนั้นจะช่วยลดภาระงบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุในวัยเกษียญได้ ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐมีค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุคิดเป็นเงิน 7.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2% ของจีดีพี และ คิดเป็น 12% ของงบประมาณภาครัฐ และในปี 5 ปี ข้างหน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14% ของงบประมาณของรัฐ หรือ 3% ของจีดีพี

ขณะเดียวกัน หากไม่มีการปฏิรูประบบบำนาญ หรือสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมเงิน จะส่งผลให้ในอีก 15 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะมีภาระทางการคลังในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 600,000-700,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่า การสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง กบช. ถือว่ามีส่วนสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

นายสมชัย กล่าวว่า ในส่วนของการแก้ไขกฎหมายกองทุนประกันสังคม เพื่อเพิ่มเงินสมทบจาก 5% เป็น 10% เพื่อให้รายได้หลังการเกษียณอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียง 50% ซึ่งถือเป็นระดับที่เพียงพอต่อการดำรงชีพนั้น รวมถึงเพิ่มช่วงอายุของผู้ออมจาก 55 เป็น 60 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกา