Retail Market Monitor (27 มี.ค.60)
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอ ทำให้ตลาดเกิดใหม่อาจเด่นกว่าพัฒนาแล้วในช่วงนี้
เราคาด SET Index มีโอกาสแกว่งซึมลง การที่ทรัมป์ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมาย American Healthcare มาใช้ แทนโอบามาแคร์ เพื่อโยกเม็ดเงินงบประมาณที่จะประหยัดได้ไปใช้กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น อย่างการลดภาษี หรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ อ่อนตัวลงและอาจกดดันบรรยากาศลงทุนในภาพรวม เรายังคงกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงของตลาดเช่นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเลือกกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม การเก็งกำไรเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกชัดเจนหรือฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด
โดยเรามองกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มน่าสนใจ ขณะที่กลุ่มขนส่ง (สายการบิน โลจิสติกส์ และเดินเรือท่องเที่ยวในประเทศ) มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันในนระดับต่ำ และการเข้า high season // หุ้นแนะนำ TU, SAPPE, IRPC / เก็งกำไร TSR*, JWD*
ถอนร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ – ความล้มเหลวในการหาเสียงสนับสนุนทั้งที่พรรครีพับลิกันครอง เสียงข้างมากใน 2 ส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ (Dollar Index) อ่อนค่าลง ดังนั้นแม้อาจเป็นปัจจัยลบกับจิตวิทยาการลงทุนหุ้น ระยะสั้นที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ค่าเงินที่อ่อนค่าลงอาจทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแรงทำกำไรมาในช่วงก่อนหน้าเริ่มทรงตัวถึงฟื้นขึ้นได้ ขณะที่มีแนวโน้มเป็นบวกกับตลาดเกิดใหม่ (EM) ดังนั้น เราคาดบรรยากาศการเก็งกำไรโดยรวมจะยังเป็นกลางถึงบวก และตลาดเกิดใหม่ (EM) มีแนวโน้มโดดเด่นกว่า ตลาดพัฒนาแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ราคาน้ำมันดิบ - กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ามัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ามันนอกกลุ่มโอเปก ยังคงให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตน้ามันตามข้อตกลงในระดับ 94% ในเดือนก.พ. แม้ระยะสั้นตลาดอาจกังวลว่าจะมีการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ามันหรือไม่ แต่เรามองราคาน้ามันมีโอกาสฟื้นจากค่าเงินสหรัฐฯที่อ่อนลง
กลุ่มอาหาร - ญี่ปุ่นกำจัดไก่กว่า 270,000 ตัวในจังหวัดมิยากิ-ชิบะ หลังพบไข้หวัดนกระบาด
สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 29 มี.ค. – อังกฤษยื่นลาออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ / 5 เม.ย. – ประชุมเรื่อง EEC (ไทย)
คำแนะนาทางกลยุทธ์: คาดตลาดอาจมีแกว่งแต่ค่าเงินสหรัฐฯที่อ่อนลงเป็นบวกกับตลาดเกิดใหม่ (EM) ขณะที่เมื่อเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยง เราชอบ กลุ่มอาหาร ขนส่ง (สายการบิน เดินเรือท่องเที่ยวในประเทศ) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว // สำหรับหุ้น top pick วันนี้ TU, SAPPE , IRPC / เก็งกำไร TSR*,
JWD*
แนวรับ 1550-1560/แนวต้าน : 1575 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- ผลการดาเนินงานไตรมาส 1 ดี: BDMS, SGP*, AOT, MINT, ERW, TASCO
- หุ้น ที่มีการเติบโตปี 2560 เด่น: TU, MAJOR, SQ, BANPU
- หุ้น ที่ผลงานผ่านจุดแย่สุด: MAJOR, SGP*, SIMAT*, JWD*, TSR* TU
- หุ้น เด่นปี 2560: BANPU, PTTEP, SCB, TU, STEC, DTAC*, PSTC*, KSL*, BA*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH หรือหุ้นแนะนาเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
หุ้นแนะนำ
- TU (24.50) : เราคาดกำไรเติบโต 17% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่ของบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 2-3 รวมทั้งต้นทุนมีผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรน้อยกว่าเนื้อสัตว์บก
- SAPPE (40) : เข้าสู่ high season ของเครื่องดื่ม แนวโน้มผลประกอบการ 2560 สดใส ผลักดันจาก 1) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2) การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด 3) การเติบโตของยอดขายตปท.โดยเฉพาะ จีนและ อินโดนีเซีย และได้ประโสชน์จากเงินบาทอ่อน
- IRPC (6.7) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 คาดแย่สุดจากการปิดซ่อม CDU เป็นเวลา 30 วัน และ UHV เป็นเวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรอาจไม่ได้แย่อย่างที่เราเคยกังวลจากค่าการกลั่นรวม (GIM) ที่สูงถึง 13-14 เหรียญ/บาร์เรล และคาดกำไรฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ 2Q60 เป็นต้นไป
- TSR* (7) : ธุรกิจผ่านจุดแย่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรองที่คาดสูงสุดแล้วในไตรมาส 4/59 ขณะที่รายได้คาดเติบโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่ฟื้นภัยแล้งที่ลดลง การเปิดสาขาใหม่ การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ รวมถึงการขยายสินค้าในกลุ่มเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า
- JWD* (12) : ธุรกิจผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วไตรมาส 3/59 ขณะที่ปี 2560 จะเห็นการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ทั้งปี จากทั้งธุรกิจห้องเย็น ขนส่งสารอันตราย และโลจิสติกส์รถยนต์หุ้นที่อื่นที่อาจพิจารณาเก็งกำไร SGP*, TSE*, CHOW*, AOT, BEM*, SINGER*, TRC*, TTA*