จากใจ'ตชด.ผู้พิทักษ์'

จากใจ'ตชด.ผู้พิทักษ์'

จากใจ ตชด. ผู้พิทักษ์ "พวกเราคิดเพียงอย่างเดียวว่ามีหน้าที่ดูแลผืนป่า-สัตว์ป่า อย่าให้ถูกทำลาย" ตามรับสั่งของสมเด็จพระราชินี

“พวกเราคิดเพียงแค่คิดว่า พวกเรามีหน้าที่ดูแลผืนป่า และสัตว์ป่า อย่าให้ถูกทำลาย ตามรับสั่งของสมเด็จพระราชินี ที่ทรงรับสั่งให้ ตชด.เป็นผู้ดูแลผืนป่าแห่งนี้” เสียงของ “ดาบหมึก” เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีหน้าที่ดูแลป่าบาลาฮาลา พูดด้วยความภาคภูมิใจ กับการทำงานของเขา


ดาบตำรวจทนง ทองวิเชียร หัวหน้าชุด ฐานปฎิบัติการชุดพิทักษ์ป่าพระนามาภิไธย ส่วนที่ 2 (ป่าบาลา-ฮาลา) หมู่ที่ 8 บ้านอัยเยอร์ควีน ตำบลอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เล่าให้ฟังว่า ในพื้นที่บาลาฮาลา ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ตั้งฐานปฎิบัติการดูแลอยู่ 2 ฐาน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ฐานละ 12 นาย รวมเป็น 24 นาย


ภารกิจในแต่ละวันนั้น ก็จะมีการลาดตระเวนทางน้ำ และชุดเดินเท้า สัปดาห์ละประมาณ 3 วัน ครั้งละ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการบุกรุก ลอบตัดไม้ทำลายป่า ภายในป่าพระนามาภิไธย รวมทั้งการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และสัตว์น้ำ ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ในป่าแห่งนี้ ที่มีมากกว่า 3 แสนไร่ ที่อยู่ในส่วนของ อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.เบตง จ.ยะลา


"ถามว่าเจ้าหน้าที่ 24 นาย เพียงพอหรือเปล่า สำหรับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายขนาดนี้ จริงๆ ก็ไม่พออยู่แล้ว แต่พวกเราคิดเพียงแค่คิดว่า พวกเรามีหน้าที่ดูแลผืนป่า และสัตว์ป่า อย่าให้ถูกทำลาย ตามรับสั่งของสมเด็จพระราชินี ที่ทรงรับสั่งให้ ตชด.เป็นผู้ดูแลผืนป่าแห่งนี้ ฉะนั้นถึงจะมีกำลังเพียงเล็กน้อย พวกเราก็ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และเต็มความภาคภูมิใจ และผมเชื่อว่า ตชด.ทุกๆนาย ที่ได้รับมอบหมายให้มาภารกิจในป่าแห่งนี้ ก็มีความภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน”


สภาพความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ทั้ง 24 นาย ใน 2 ฐานปฎิบัติการ นั้น พบว่า ต้องใช้กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ที่ชาร์ตด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีการติดตั้งอยู่ที่ฐานทั้ง 2 แห่ง ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ แต่สามารถติดต่อกันด้วยวิทยุสื่อสาร ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราเตรียมเสบียงอาหาร น้ำดื่ม เอาไว้เพียงพอกับการเข้ามาประจำการในแต่ละรอบ


ซึ่ง “ดาบหมึก” บอก “ถ้าจะถามว่าลำบากไหมที่อยู่ที่นี่ ก็ต้องตอบตามตรงว่า ลำบากครับ แต่พวกเราอยู่ได้ อยู่เพื่อทำหน้าที่ของพวกเราให้ดีที่สุด พวกเราประกอบอาหารกินกันแบบง่ายๆครับ แล้วก็ผลัดเวรกันออกไปปฎิบัติหน้าที่”


ในป่าบาลาฮาลา แห่งนี้ผมเชื่อว่ายังเป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย สังเกตได้จากสัตว์ป่าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นกระทิง วัวแดง หมีควาย ช้าง เสือ ที่วนเวียนมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นยังมีนกเงือก หลายสายพันธุ์ ที่จะอพยพ จากกาญจนบุรี มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้ อักจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาช่วงเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ตนเองและคณะนักวิจัยนกเงือก ได้เข้าไปตรวจสอบ พบฝูงนกเงือกมากกว่า 2,400 ตัว ที่บินมาเกาะบนกิ่งไม้ เป็นสัญญานที่บอกเราว่า ป่าแห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก”


ดาบตำรวจทนง ทองวิเชียร ยังพูดถึงปัญหาที่พบว่า ในช่วงนี้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวป่าบาลาฮาลา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ที่ผ่านมาการจัดการเรื่องขยะของแพต่างๆ ยังไม่เป็นรูปธรรม นักท่องเที่ยวทิ้งขยะ เศษขวดน้ำ ถุงพลาสติก ลงในน้ำ ซึ่งตนเองก็อยากให้เจ้าของแพท่องเที่ยวเหล่านั้น หามาตรการในการดูแลเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย เพราะจะส่งผลกระทบในอนาคตให้กับป่าบาลาฮาลา อย่างแน่นอน ถ้าเราใม่รีบดูแล


ภาพ : นครินทร์ ชินวรโกมล