‘3 ค่าย’ขายตรงเปิดกลยุทธ์ดันยอด

‘3 ค่าย’ขายตรงเปิดกลยุทธ์ดันยอด

จากสภาพตลาดขายตรงในช่วง 1 -2 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ในภาวะทรงตัว ส่งผลให้ปีนี้ 3 ค่ายตรง “แอมเวย์-กิฟฟารีน-นู สกิน” ต่างงัดกลยุทธ์มาผลักดันยอดขายกันสุดฤทธิ์

บนเป้าหมาย “ปีนี้ต้องดีกว่า” 

เริ่มต้นด้วยนักธุรกิจหนุ่มสุดเนี้ยบ กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ แอมเวย์ (ประเทศไทย) เผยว่า การทำธุรกิจขายตรงในปีนี้ จะต้อง “เพิ่มเทคนิค” เสริมการขายให้มากขึ้น  โดยเฉพาะการสร้างสมดุลระหว่าง Hi-tech และ Hi-touch 

“ถ้าหากมุ่งออนไลน์มากเกินไปก็จะเหมือนขาดความเป็นมนุษย์ไม่มีปฏิสัมพันธ์ จึงต้องสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเครือข่าย”

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายฐาน“นักธุรกิจรุ่นใหม่” จากปัจจุบัน แอมเวย์มีนักธุรกิจที่เป็นกลุ่มเจน Y สัดส่วน 30 -35% โดยธุรกิจเครือข่ายยังเป็น 1 ในธุรกิจ Passive income  (แหล่งสร้างรายได้) ที่คนรุ่นใหม่พยายามแสวงหา จึงคาดว่าจะช่วยจูงใจให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้น

ขณะที่ตัวสินค้าจะมุ่งนำเสนอกลุ่มสินค้าควบคุมน้ำหนัก และพัฒนาสินค้าสูตรใหม่ ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มไลน์สินค้าหลากหลายใน“กลุ่มสุขภาพและความงาม”เพื่อผลักดันการเติบโตของยอดขายที่ 3% ในปีนี้

อีกหนุ่มนักบริหาร พงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ กล่าวว่า ในปีนี้จะหันมาทำตลาดในกลุ่มสินค้าที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้า“นวัตกรรม” พร้อมตลอดจนอำนวยความสะดวกผู้บริโภคในการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ

“ปีนี้ตลาดยังแข่งกันรักษาฐานลูกค้าเก่าควบคู่กับการหาลูกค้าใหม่ ด้วยการสร้างแบรนด์และออกสินค้าที่น่าสนใจต่อเนื่อง และหาช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ”

สำหรับกลุ่มสินค้าดาวรุ่งในปีนี้ คือ กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม ที่ขยายตัวตามเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและรักษาสุขภาพ โดยในปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากกลุ่มดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนราว 60%ของยอดขายทั้งหมด

ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดของกิฟฟารีนในปีนี้ยังคงดำเนินแผนฝึกอบรบนักธุรกิจเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการโรดโชว์สินค้าตามตลาดต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าเพิ่มนักธุรกิจใหม่ 1 แสนคน

ขณะที่หญิงแกร่ง วิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า สินค้าดาวรุ่ง คือ กลุ่มแอนไทเอจจิ้ง หรือชะลอวัย ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มตลาดความงามที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท เติบโตต่อเนื่องปีละ8- 10% โดย นู สกิน ก็มีแผนเจาะโอกาสตลาดนี้ด้วยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กลุ่มชะลอวัย หรือเอจล็อค และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นสินค้าจุดแข็งของนู สกิน โดยในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายมาจากกลุ่มสินค้าดังกล่าว มากถึง70%ของยอดขายรวม

นอกจากนี้จะใช้ “โซเชียลมีเดีย”ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นควบคู่กับออฟไลน์ เพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ที่หันมาใช้สื่อออนไลน์กันมากขึ้น โดยวางทิศทางการขยายฐานนักธุรกิจกับคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 - 35 ปีรวมถึงวางกลยุทธ์การขายสินค้าที่สร้างนวัตกรรมแตกต่างจากตลาด