MORNING CALL ACTION NOTES (7 มี.ค.60)

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ทรุดตัวลงแรงเนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องจากความกังวล FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค. ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม ENERG BANK FIN กดดันให้ SET ปิดที่ 1,553.61 จุด (-12.59 จุด) Vol. 3.8 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -2,202 ลบ. , TFEX Net -2,565 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- คาด FED ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14 – 15 มี.ค.เนื่องจากอัตราว่างงานในเดือนม.ค.อยู่ระดับต่ำ 4.8% รวมถึงเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 2%

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลง จากความกังวล FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. รวมถึงข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEZ) ของญี่ปุ่น

+/- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 53.2 US/Barrel หลังจีนปรับลดเป้า GDP รวมทั้งการผลิตน้ำมันของรัสเซียทรงตัวที่ 11.11 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ส่งผลให้ตลาดไม่แน่ใจต่อการปรับลดกำลังการผลิตของรัสเซีย

- จีนปรับลดเป้า GDP ปีนี้ลงสู่ระดับ 6.5% จากระดับ 6.7% ในปีที่แล้ว

+ ตลท.เผยปี59 บริษัทจดทะเบียนในเซทกว่า 81% ทำกำไรเพิ่ม ยอดสุทธิกว่า 9 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดรอบ 5 ปี

- Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell 6 วันต่อเนื่องราว 7.7 พันลบ.

** OPP DAY 7 มี.ค. VIBHA HPT TK K TRC KTIS THRE 8 มี.ค. BCPG WAVE BM WICE PAP CPN MINT 9 มี.ค. SPCG DRT ARROW QLT HARN TKT PCSGH

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน อีกทั้ง Fund Flow ที่ไหลออกหลัง FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 14 – 15 มี.ค. โดบ Foreign เป็น Net Sell ต่อเนื่อง 6 วันราว 7.7 พันลบ. เป็นแรงกดดันดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับที่ 1,550 จุด และ 1,540 จุดตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 2 เดือน ล่าสุด 979 จุด

- IVL ราคาฝ้ายทำ High ในรอบ 2 ปีครึ่ง ล่าสุด 79.2 US/Tons

- ITD ILINK ยื่นชิงงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) รอบ 2 โดย AOT เตรียมเปิดซองคุณสมบัติ 8 มี.ค.

- TASCO ได้ประโยชน์จากราคายางมะตอย +7.8%MoM และ Demand ที่เพิ่มขึ้นเพื่อซ่อมแซมถนนหลังน้ำท่วมภาคใต้

- กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น

หุ้นแนะนำพิเศษ

BPP    ราคาปิด 24.90    Bloomberg Consensus 27.65

- คาดผลประกอบการปี 60 จะได้รับแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าหงสาที่ 4Q59 เดินเครื่องได้ถึง 77% (ค่าเฉลี่ยทั้งปี 63%) ส่งผลให้ได้รับรายได้จากค่าความพร้อมจ่ายเพิ่มขึ้น โดยในปี 60 โดยผู้บริหารตั้งเป้าการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าหงสาไว้ที่ 80% นอกจากนี้ระหว่างปีจะทยอยรับรู้กำลังการผลิตใหม่อีกราว 119 MW ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่เดือนก.พ. 60 โดย Bloomberg Consensus คาดว่าผลประกอบการปี 60 จะเติบโต 26%YoY สู่ 5.2 พันล้านบาท

- พร้อมรับรู้กำลังการผลิตใหม่อย่างต่อเนื่องในปี 60-63 ที่ 119 MW 470MW 32MW และ 12MW ตามลำดับ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2.45 GW ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง


หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก BEM (ราคาปิด 7.05 “ถือ” ราคาเหมาะสม 7.40) ลุ้น ครม.อนุมัติเซ็นสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย วันที่ 9 มีนาคมนี้ คาดผลประกอบการโตโดดเด่น จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แถมบุ๊กรายได้การเดินรถสายสีม่วง และทาง ด่วนศรีรัชรอบนอก เต็มปี (ที่มาทันหุ้น)

- HMPRO (ราคาปิด 9.75 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 12.60 บาท) กางแผนปี 2560 ปักหมุดรายได้โต 8-12% จากปีก่อน เตรียมทุ่มงบลงทุนประมาณ 6-7 พันล้านบาท ขยายสาขาทั้งไทยและมาเลเซีย ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา พร้อมเดินเกมระยะยาว 1-3 ปี (2560-2562) ลุยขยายตลาดใหม่ CLMV เล็งออกหุ้นกู้ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รองรับธุรกิจในอนาคต (ทันหุ้น)

   ความเห็น ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังเป็นบวกจากแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องทั้งโฮมโปร เมกาโฮม และสาขาในประเทศมาเลเซียที่เน้นทำเลที่มีกำลังซื้อในกทม. ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ขณะที่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และการให้บริการ Home service รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่สินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและจักรยานมีศักยภาพเติบโตได้ดีและมีมาร์จิ้นดีกว่ารายได้ขายอย่างมีนัยสำคัญ ฝ่ายวิจัยคงประมาณกำไรปี 60 ราว 4.4 พันล้านบาท +5%

- SYNTEC (ราคาปิด 5.05 “ถือ” ราคาเหมาะสม 5.10) ประกาศปันผลงวด 0.11 บ./หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 8พ.ค.

- PTT (ราคาปิด 388 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 405) ซื้อคืนหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ 2 รุ่นวงเงินหน้าตั๋วรวม 450 ล้านเหรียญฯ เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

- TWPC (ราคาปิด 9.75 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 11.00) วางงบลงทุน 3 ปี (60-62) รวม 1-2 พันลบ.ขยายกำลังผลิต-M&A-โครงการใหม่ใน CLMV

- GL (ราคาปิด 50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 54.17) มั่นใจเดินถูกทาง ย้ำชัดการเพิ่มพอร์ตเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs) เป็นปัจจัยสำคัญช่วยหนุนกำไรบริษัทโตก้าวกระโดด แจงการปล่อยกู้ 2 รายในสิงคโปร์และไซปรัส มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส ชี้ช่วยหนุนผลงานปี 2559 กำไรพุ่งทะลุ 1 พันล้านบาท ทะยานจากปีก่อนหน้ากว่า 84% (ทันหุ้น)

- EA (ราคาปิด 24.80 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 26.23) รับข่าวดี COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน 1 กำลังผลิต 36 MW แล้ว เริ่มบุ๊คเข้าทันที Q1 จับตา COD อีก 2 โครงการที่เหลือ 90 MW ภายในครึ่งปีแรก หนุนปี 60 กำลังผลิตไฟฟ้าพุ่ง 404 MW

- CHOW ยกเลิกวันกำหนดรายชื่อที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผถห. ยันประชุม 21 เม.ย.พิจารณานำ CE เข้าตลาดหุ้น

- OCEAN "ฟ้าประทาน" ทายาทธุรกิจโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ ดอดเก็บหุ้น OCEAN ถือ 13.12% คาดมีโอกาสทำแบ็กดอร์นำธุรกิจโรงพยาบาลเข้าตลาดหุ้น ฟาก "อุชัย" ยืนยันไม่ได้เทขายหุ้นออกมา พร้อมปัดข่าวลือจะถูกแบ็กดอร์ในขณะนี้ (ข่าวหุ้น)

- ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP-ยังไม่เทรดในตลท.) คาดผลงานปี 60-61 โตก้าวกระโดด จาก 3 โรงไฟฟ้าใหม่ COD เพิ่มรวม 290 MWซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง รวมทั้งสิ้น 440 MW จากโรงไฟฟ้าทั้งหมด 7 โรง

- APCO (ราคาปิด 1.57 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 1.89 บาท) เดินหน้ายกชั้นเข้า SET ขยายฐานผู้ถือหุ้นและผู้บริโภคต่างประเทศ จับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนลุยตลาดดิจิตอลตั้งเป้ารายได้ 500 ล้านบาท (สรุปจากทันหุ้น)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -51.37 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,954.34 จุด ลดลง 51.37 จุด หรือ -0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,849.17 จุด ลดลง 21.58 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,375.31 จุด ลดลง 7.81 จุด หรือ -0.33% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการซื้อขาย ซึ่งรวมถึงข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น และคณะทำงานของโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่าอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งการให้ดักฟังโทรศัพท์ในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.13 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 53.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการที่รัฐบาลจีนปรับลดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งความไม่มั่นใจต่อการให้ความร่วมมือของรัสเซียในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน