แกะรอย 'สาวรัสเซีย' หายตัวปริศนาที่เกาะเต่า

แกะรอย 'สาวรัสเซีย' หายตัวปริศนาที่เกาะเต่า

เบื้องลึก! แกะรอยแอพพลิเคชั่น "วีเค" ไขปริศนา "สาวรัสเซีย" หายตัวนานกว่า 2 สัปดาห์ หลังเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่เกาะเต่า

จากกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย “น.ส.วาเลนติน่า โนวาชฮาโยโนว่า” อายุ 23 ปี เดินทางเข้าประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วเดินทางมาพักผ่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แล้วหายตัวออกไปจากโรงแรมที่พักไม่สามารถติดต่อได้นานกว่า 2 สัปดาห์

อีกทั้ง “นายเซอร์เกย์ บัวซากิน” ชาวรัสเซีย เข้าพบ “พ.ต.ท.นพา เสนาทิพย์” รอง ผกก.สอบสวน สภ.เกาะเต่า เพื่อขอความช่วยเหลือหลังเพื่อนชาวรัสเซียติดต่อให้ช่วยตรวจสอบ น.ส.วาเลนติน่า หายตัวทางครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้

การหายตัวของ น.ส.วาเลนติน่า ทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนตื่นตัวที่เร่งคลี่คลายไขปริศนาการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะจากการตรวจสอบห้องพักภายในโรงแรมที่พักไม่พบร่องรอยการต่อสู้ไม่ปรากฏรอยงัดแงะรื้อค้นสิ่งของ โดยทรัพย์สินของ น.ส.วาเลนติน่า ทั้งหนังสือเดินทางหมายเลข 754161067 โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า รวมถึง กระเป๋าเดินทาง ยังอยู่ครบถ้วน

แกะรอย \'สาวรัสเซีย\' หายตัวปริศนาที่เกาะเต่า

พ.ต.อ.วันชนะ บวรบุญ ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี , พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สวญ.สภ.เกาะเต่า , พ.ต.ท.สมพงค์ เพ็ชรสุด สว.สส.สภ.เกาะเต่า , พ.ต.ท.สัญชัย ถินวงษ์แดง สว.สืบสวน กก.5 บก.ทท. และชุดสืบสวน ตรวจสอบการเข้าออกประเทศไทยของ น.ส.วาเลนติน่า พบว่าเดินทางเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ด้วยสายการบินเอสเซเว่น แอร์ไลน์ ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 8 มีนาคม 2560 ในฐานะนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมของ น.ส.วาเลนติน่า จากเบาะแสที่อยู่ในห้องพักพบว่า น.ส.วาเลนคิน่า พบความเคลื่อนไหวทางแอพพลิเคชั่น ”วีเค” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ชาวรัสเซียนิยมเล่นแทนเฟชบุ๊ก โดยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 น.ส.วาเลนติน่า เช็คอินเดินทางมาจากกรุงมอสโคถึงที่กรุงเทพ โดยเช็คอินที่กรุงมอสโคในเวลาประมาณ 02:17 น. ต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 17:22 น. โพสต์ข้อความระบุว่าได้มาถึงที่โรงแรมในกรุงเทพ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 โพสต์ข้อความพร้อมรูปถ่ายระบุว่าตนเองท่องเที่ยวอยู่ที่กรุงเทพ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 เวลาประมาณ 07:48 น. โพสต์ข้อความระบุว่าตนเองอยู่ภายในโรงแรมที่บริเวณพื้นที่เกาะเต่า และในเวลา 09.03 น. โพสต์รูปบริเวณชายหาดบนเกาะเต่า จากนั้นวันที่ 11 ก.พ. 60 เวลา 08.44 น. ได้เขียนโพสต์ว่า โทรศัพท์มือถือตกพื้น ทำให้เสียหาย ไม่สามารถเปิดเครื่องได้ แล้วจะนำโทรศัพท์มือถือไปซ่อม จากนั้น เพียงแค่ 1 นาที 08.45 น. โพสต์ว่า ตนเองอยู่ที่ชายหาด กำลังจะไปหาของรัปประทาน

แกะรอย \'สาวรัสเซีย\' หายตัวปริศนาที่เกาะเต่า

ต่อมาเวลา 10.26 น. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า โทรศัพท์มือถือใช้งานได้แล้ว และได้ออกมาถ่ายรูป บริเวณหาดโฉลก บริเวณสะพานยาว จากนั้นเวลาประมาณ 14:45 น. โพสต์ข้อความพร้อมรูปถ่ายเรื่องบ้านรูปทรงแปลกเนื่องจากเสาบ้านยาว

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 เวลาประมาณ 04:57 น. โพสต์ข้อความเรื่องแมวและโรตี อีกทั้งได้เขียนเรื่องเก็บปะการังที่ตายแล้วที่ตนเก็บมาถ่ายรูป ในวันเดียวกันเวลาประมาณ 05:32 น. โพสต์ข้อความการดำน้ำประเภท ฟรีไดร์วิ่ง หรือการดำน้ำโดยไม่สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจเธอได้ระบุว่าเธอสามารถดำน้ำได้ในความลึก 22.3เมตรโดยได้ถ่ายรูปนาฬิกาวัดความลึกโพสต์ลงพร้อมกับข้อความและได้ระบุท้ายข้อความว่าเธอจะสามารถทำได้มากกว่านี้ในครั้งต่อไป เวลาประมาณ 12:54 น. โพสต์รูปเด็กผู้หญิงเขียนอธิบายว่าไปทานข้าวและเจอเด็กผู้หญิงน่ารักที่ร้านอาหาร หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดในแอพพลิเคชั่นวีเค

นอกจากนี้ชุดสืบสวน พบความเคลื่อนไหวย้อนหลังเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 ทางแอพพลิเคชั่น “วอทแอพ” พบว่ามีการสนทนากับจิตแพทย์ที่ประเทศรัสเซียโดยสนทนาว่ามีอาการกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุสงสัยว่าจะเป็นโรคโฟเบีย ซึ่งหลังจากจิตแพทย์อ่านข้อความแพทย์ได้แนะนำให้มาพบจิตแพทย์ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองครั้งแต่ต้องมาหาระยะยาว

แกะรอย \'สาวรัสเซีย\' หายตัวปริศนาที่เกาะเต่า

จากข้อมูลความเคลื่อนไหวของ น.ส.วาเลนติน่า ชุดสืบสวนให้น้ำหนักการค้นหาตัวโดยตรวจสอบทรัพย์สินของ น.ส.วาเลนติน่า อีกครั้งพบเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในการดำน้ำลึกเพียงเท่านั้น แต่ไม่พบอุปกรณ์ในการดำน้ำโดย เฉพาะไม่พบนาฬิกาดำน้ำที่ใช้สวมใส่เพื่อวัดระดับความลึกขณะดำน้ำ นอกจากนี้ชุดสืบสวน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนเกาะเต่าทั้งหมด รวมถึงร้านจำหน่ายอุปกรณ์ดำน้ำ ร้านที่พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ รวมถึงลงพื้นที่หาข้อมูลเรือที่รับจ้างพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ หรือเรือของชาวบ้านที่พักอาศัยบนเกาะเต่า

พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยหรือเบาะแสว่าถูกทำร้ายร่างกาย หรือ ฆาตกรรม ซึ่งตอนนี้ให้น้ำหนักไปในเรื่องของการดำน้ำลึกที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการช่วยหายใจ เพราะเบาะแสความเคลื่อนไหวทางแอพพลิเคชั่นของ น.ส.วาเลนติน่า ประกอบกับเพื่อนร่วมสัญชาติให้ข้อมูลว่า น.ส.วาเลนติน่า ต้องการดำน้ำให้ลึกมากกว่า 22.3 เมตร โดยมีเพียงแค่ตะกั่วถ่วงร่างกายเพื่อสามารถดำน้ำได้ลึก ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดความผิดพลาดตะกั่วที่ใช้ถ่วงน้ำหนักก็เป็นอุปสรรคไม่สามารถทำให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้ก็อาจเป็นอันตราย

“ เวลานี้ชุดสืบสวนพยายามเร่งติดตามหาสาวรัสเซียคนนี้ให้พบ โดยขอความร่วมมือนักดำน้ำทั้งในพื้นที่ หรือนักดำน้ำของเอกชน ช่วยกันออกติดตามหาในทะเลที่เป็นจุดดำน้ำหลายจุด เพื่อพิสูจน์ว่าสาวรัสเซีย หายไปเพราะออกไปดำน้ำโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจหรือไม่ อีกทั้งเพื่อนร่วมสัญชาติให้เบาะแสว่าสาวรัสเซีย มักใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าคลุมสีม่วงเวลาออกไปดำน้ำ ซึ่งในประเด็นนี้ต้องพิสูจน์ทราบอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะได้รู้ว่าสาวรัสเซียคนนี้หายไปไหน ”

ซึ่งเป็นปริศนาที่รอการคลี่คลายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวบนเกาะเต่าอีกครั้ง !!