‘ไมเนอร์’รุกอินเดียเจาะกลุ่มแสวงบุญ‘พุทธคยา’

‘ไมเนอร์’รุกอินเดียเจาะกลุ่มแสวงบุญ‘พุทธคยา’

“ไมเนอร์ โฮเทลส์” หนึ่งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมไทย ที่สร้างผลงานเชิงรุกโดดเด่นต่อเนื่องในการขยายต่างประเทศ 

 ปัจจุบันมีกว่า 156 โรงแรมทั่วโลก และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 250 โรงแรมใน 5 ปีต่อไป ด้วยส่วนแบ่งในเอเชียที่มีกว่า 47 แห่งนั้น บริษัทปักหมุดแห่งแรกในอินเดีย ด้วยการเปิดตัว “โอ๊คส์ พุทธคยา” ขนาด 78 ห้อง ด้วยสัญญาร่วมทุนมูลค่ากว่า 233 ล้านบาท เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกในการทำความรู้จักตลาด ก่อนจะขยายไปสู่เมืองอื่นๆ ในอินเดียต่อไป

โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ(เอเชีย) ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่าการรุกตลาดอินเดียด้วยการเข้าสู่เมืองพุทธคยา อยู่ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มจีพี กรุ๊ป และบริษัทท็อป ทราเวล แอนด์ ทัวร์ส จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและรู้จักตลาดในพื้นที่เป็นอย่างดี ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมด้านการแข่งขัน เพราะถือเป็นโรงแรมแบรนด์ระดับนานาชาติแห่งแรกที่เข้าไปเจาะตลาด 

สอดคล้องกับการเปิดตัวเที่ยวบินของไทยสมายล์ เส้นทาง กรุงเทพฯ-พุทธคยา จำนวน 5 เที่ยว/สัปดาห์ ตารางบินตั้งแต่เดือน ต.ค.-มี.ค. เพื่อเจาะ “กลุ่มผู้แสวงบุญ” โดยเฉพาะ

โอกาสธุรกิจในเมืองจุดหมายของชาวพุทธยังสดใส เมื่อพิจารณาจากยอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง ในปี 2558 มีการเดินทาง 2.36 แสนคน และปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 2.41 แสนคน ขณะที่คนไทยเดินทางไปอินเดียมีจำนวนกว่า 1.02 แสนคนนั้น มีพุทธคยาเป็นหนึ่งจุดหมายหลัก

พุทธคยา ตั้งอยู่ในรัฐพิหาร เป็นแหล่งพุทธสถานโบราณและยังเป็นที่ตั้งของวัดมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นสังเวชนียสถานและจุดหมายแสวงบุญสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของพุทธศาสนิกชน

การนำแบรนด์โอ๊คส์ ซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์เข้าไปนั้น เนื่องจากสอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในเมืองดังกล่าว ซึ่งมีค่าเฉลี่ยกว่า 6.5 วัน และยังเป็นแบรนด์ที่ใช้งบประมาณเหมาะสมกับการลงทุนในพื้นที่ ซึ่งอาจยังไม่เหมาะกับตลาด 5 ดาวที่มีแบรนด์อนันตรา เป็นเรือธงมากนัก

ที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมในพุทธคยาให้บริการหลากหลาย ส่วนใหญ่ระดับ 3 ดาวลงมาถึงเกสต์เฮาส์ แต่ยังขาดเชนที่มีมาตรฐานสากล ดังนั้นบริษัทนำเที่ยวที่จัดโปรแกรมแสวงบุญจึงต้องนำนักท่องเที่ยวไปเข้าพักในเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงกันแทน แต่หลังจากเปิดตัวไปแล้ว มีการเจรจาเพื่อนำกรุ๊ปทัวร์มาเข้าพัก ซึ่งเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่โรงแรมจะให้ความสำคัญเช่นเดียวกับกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)

ปีแรกตั้งเป้าอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60-62% โดยมี 3 ตลาดเป้าหมายหลัก ได้แก่ ไทย ที่คาดว่าสัดส่วนลูกค้าจะอยู่ที่ 30-40% ตามด้วยศรีลังกา และญี่ปุ่น

แม้ว่าพุทธคยาจะเป็นตลาดที่มีฤดูกาลเดินทางหนาแน่นเฉพาะในช่วงแสวงบุญเท่านั้น แต่ประเมินว่าด้วยการขยายตัวของจำนวนเที่ยวบินจากประเทศต่างๆ รวมถึงการมีเที่ยวบินในประเทศเชื่อมต่อจากเมืองใหญ่ เช่น นิวเดลี ทำให้ได้ตลาดอื่นมาเสริม เช่น เวียดนามและศรีลังกา ที่จะเดินทางหนาแน่นช่วง พ.ค.-ก.ค. และตลาดญี่ปุ่น ที่นิยมเดินทางเข้ามาตลอดปี

ไมเออร์ กล่าวด้วยว่าการนำแบรนด์โอ๊คส์ เข้าไปทำตลาด ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ขยายธุรกิจรับบริหารของไมเนอร์ที่มีทั้งหมด 6 แบรนด์ ซึ่งหลังจากซื้อกิจการโอ๊คส์ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท จากออสเตรเลียมาเมื่อปี 2554 ด้วยจำนวนโรงแรมที่มีขณะนั้น 38 แห่ง แต่ปัจจุบันขยายครอบคลุมแล้ว 5 ประเทศ และเพิ่มเป็น 56 แห่ง รวมกว่า 6,000 ห้อง แบ่งเป็นเป็นออสเตรเลีย 50 แห่ง, นิวซีแลนด์ 2 แห่ง, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 แห่ง, กรุงเทพฯ 1 แห่ง และที่พุทธคยาในอินเดียแห่งแรก

ในปี 2560 เตรียมเปิดโรงแรมลำดับที่ 2 ในอินเดีย ภายใต้แบรนด์ โอ๊คส์ นีมรานา ขนาด 116 ห้อง ณ ใจกลางเมืองนีมรานา ศูนย์กลางธุรกิจทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงนิวเดลี ขณะที่ในเอเชียใต้นั้น ไมเนอร์ฯ มีโรงแรมเปิดแล้ว ได้แก่ มัลดีฟส์ 6 แห่ง และศรีลังกา 4 แห่ง

ส่วนการขยายธุรกิจแบรนด์อื่นๆ ในช่วง 2-3 ปีนี้ มีไฮไลท์สำคัญที่การนำแบรนด์“อนันตรา”ไปปักธงที่ยุโรปเป็นครั้งแรก 2 โรงแรมรวด ภายใต้ชื่ออนันตรา วิลามัวรา อัลการ์ฟ ที่โปรตุเกสในเดือนเม.ย.นี้ ขนาด 280 ห้องที่รีแบรนด์มาจาก ทิโวลี วิคตอเรีย และอีก 1 แห่งได้แก่ อวานี อาเวนิดา ลิเบอร์ดาดิ โฮเทล ขนาด 119 ห้อง ในโปรตุเกส เช่นกัน ซึ่งรีแบรนด์มาจาก ทิโวลี จาร์ดิม ลิสบัว โฮเทล เดิม