‘ฮอทพอท’ ระดมทุนขยายกิจการ

‘ฮอทพอท’ ระดมทุนขยายกิจการ

ฮอทพอทระดมทุนขยายกิจการ บอร์ดอนุมัติเพิ่มวงเงินตั๋วบีอีเป็น 200 ล้าน - เพิ่มทุน 81.2 ล้านหุ้น ขายผู้หุ้นเดิม-พีพี

ฮอทพอทเร่งเพิ่มสภาพคล่องหวังนำมาขยายธุรกิจ บอร์ดไฟเขียวเพิ่มวงเงินการขายตั๋วแลกเงินระยะสั้น 200 ล้าน จากวงเงินเดิม 90 ล้าน พร้อมออกหุ้นกู้อายุไม่เกิน 4 ปี 500 ล้านบาท และอนุมัติเพิ่มทุน 81.2 ล้านหุ้นขายผู้ถือหุ้นเดิม และบุคคลในวงจำกัด

บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) HOTPOT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติเพิ่มจดทะเบียนของบริษัทแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 20.30 ล้านบาท จากเดิม 101.50 ล้านบาท เป็น 121.80 ล้านบาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 81.20 ล้านหุุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็น 20% ของทุนชําระแล้ว โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 40.60 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 40.60 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement)

รวมทั้ง พิจารณาการออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุไม่เกิน 4 ปี ในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสภาพคล่อง และขยายกิจการ และพิจารณาอนุมัติเพิ่มวงเงินการออกและเสนอขายตั๋วแลกเงินระยะสั้นจำนวน 110 ล้านบาท จาก 90 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานปี 2559 มีขาดทุนสุทธิ 148.23 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 56.04% จากปี 58 ที่ขาดทุน 94.9 ล้านบาท บริษัทมีรายได้จากการขายลดลงมาอยู่ที่ 2,054.22 ล้านบาท ลดลง 3.68% เนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย และสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า รวมทั้งการทําโปรโมชั่นลดราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าของสินทรัพย์ จำนวน 11.19 ล้านบาท

นายโชติวิทย์ เตชะอุบล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ฮอท พอท (HOTPOT) กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตของรายได้ฮอทพอทในปี 2560 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจอยู่ แต่โดยภาพรวมแล้วมีมุมมองเชิงบวก ทั้งนี้ เบื้องต้นจะเน้นการรีแบรนด์ ร้านค้าฮอทพอท ให้เข้าถึงผู้บริโภคดีขึ้น และมีความพรีเมียมมากขึ้น

“จุดเด่นของฮอทพอท คือมีหลายแบรนด์ ทำให้สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้ดี และสร้างจุดยืนทางการตลาดที่เด่นชัดสำหรับแต่ละแบรนด์ได้ อาทิ ไดโดมอน ก็จะจับตลาดบุฟเฟต์ ส่วนซิกเนเจอร์ สเต๊ก ลอฟท์ จะต้องเพิ่มความโดดเด่นให้กับแบรนด์มากขึ้น เบื้องต้นวางจุดยืนให้เป็นร้านอาหารที่ทันกระแส คือเมื่อมีเมนูอะไรที่โดดเด่นขึ้นมา ซิกเนเจอร์ฯ ก็จะเป็นหนึ่งในผู้บริโภคเลือกรับบริการ”