“ฮอนด้า แอลพีจีเอ” ศึกวงสวิงโลกหนึ่งเดียวในไทย

“ฮอนด้า แอลพีจีเอ” ศึกวงสวิงโลกหนึ่งเดียวในไทย

เตรียมระเบิดศึกแล้วสำหรับการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ที่สุดของประเทศไทย “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ชิงเงินรางวัลรวม 1.6 ล้านดอลลาร์(56ล้านบาท)

โดยจะเริ่มต้นในเวลา 10.00 น. ของวันนี้ จนถึงวันที่ 26 ก.พ. ที่สนามคันทรี่ คลับพัทยา โอลด์คอร์สชลบุรี

รายการดังกล่าวได้รับความสนใจจากคนไทยทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็ได้รับการจับตามองไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นสังเวียนชิงชัยของโปรกอล์ฟหญิงชั้นนำหลายรายบนแดนสยามแห่งนี้

แอลพีจีเอเดียวของไทย
ศึก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” เป็นการแข่งขันกอล์ฟหญิงอาชีพที่ได้การรับรองจาก “แอลพีจีเอ ทัวร์” นับเป็นรายการแรกและรายการเดียวในประเทศไทย จัดโดยสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ร่วมกับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการจัดการแข่งขันขึ้นครั้งแรกในปี 2006 ในช่วงปลายเดือน ต.ค. ชิงเงินรางวัลรวม 1.3 ล้านดอลลาร์ (45 ล้านบาท) แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ จำนวน 4 วัน 72 หลุม ไม่มีการตัดตัว

การแข่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนครบรอบปีที่ 10 ในปี 2016 ทางฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้เพิ่มเงินรางวัลเป็น 1.6 ล้านดอลลาร์ (56 ล้านบาท) ถือเป็นรายการแข่งขันกอล์ฟสตรีที่มีเงินรางวัลสูงสุดในประเทศไทย มีการจัดทำถ้วยรางวัลใหม่ ออกแบบโดยสองศิลปินชั้นนำของประเทศ ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร และ รศ.อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมีลักษณะมีฐานเป็นวงกลม ต่อยอดเป็นทรงใบไม้สีดำ โดยมีแนวคิดมาจากกีฬากอล์ฟเป็นความสัมพันธ์ของ “มนุษย์กับธรรมชาติ”

นักกอล์ฟชื่อดัง
สำหรับการคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัย จะเฟ้นหา 70 นักกอล์ฟสาวชั้นนำของโลก แบ่งเป็น 58 อันดับแรกของ LPGA Priority List 2017 รวมกับ 2 แชมป์ จากรายการ “เพียว ซิลค์ บาฮามาส แอลพีจีเอ คลาสสิก 2017” และ “รายการ ไอเอสพีเอส ฮานดา วีเมนส์ ออสเตรเลียน โอเพ่น 2017” และนักกอล์ฟรับเชิญอีก 10 คนด้วยกัน

แน่นอนว่าการแข่งขันที่มีคนจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ขวัญใจชาวไทยที่เป็นมือ 2 ของโลกในเวลานี้ กับ ลิเดีย โค โปรมือ 1 ของโลกคนปัจจุบันจากนิวซีแลนด์

เอรียา วัย 21 ปี จบซีซั่นก่อนด้วยการคว้า 5 แชมป์ด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือเมเจอร์รายการ “ริโค วีเมนส์ บริติช โอเพ่น แชมเปียนชิพ” จนได้รางวัลผู้เล่นดีเด่นประจำปี รวมถึงโบนัสเงินรางวัลจากการชนะเลิศ “เรซ ทู เดอะ ซีเอ็มอี โกลบ” ขณะที่ โค วัย 19 ปี ทำผลงานเป็นรอง “โปรเม” ในปีก่อน ด้วยการคว้า 4 แชมป์ เป็นเมเจอร์ 1 รายการคือ “เอเอ็นเอ อินสไปเรชัน” ทำให้ปีนี้คาดว่าทั้ง 2 คนคือตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์รายการดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีนักกอล์ฟหลายรายที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นตัวสอดแทรกคว้าแชมป์ ประกอบไปด้วย เฟิง ฉานฉาน มือ 3 จากจีน, ฮานา จาง มือ 5 จากเกาหลีใต้ ,บรูค เฮนเดอร์สัน มือ 9 จากแคนาดา รวมถึงบรรดาแชมป์เก่าอย่าง เอมี หยาง กับ ปาร์ค อินบี 2 โปรจากเกาหลีใต้, เล็กซี ธอมป์สัน จากสหรัฐ, ซูซานน์ เพตเตอร์เซน จากนอร์เวย์, เจิน หยานี จากไต้หวัน และ ไอ มิยาซาโตะ จากญี่ปุ่น

แชมป์แรกของคนไทย
แม้รายการดังกล่าวจัดขึ้นมาแล้วถึง 10 ปี ทว่ายังไม่เคยมีนักกอล์ฟสาวไทยคนไหนสามารถคว้าแชมป์ภายในประเทศตัวเองได้เลย ครั้งที่ดูจะมีความหวังมากที่สุด ต้องย้อนไปเมื่อปี 2013 เมื่อ โปรเม ในวัย 17 ปี โชว์ผลงานขึ้นนำเดี่ยวหลัง 3 วันแรก อย่างไรก็ตามเจ้าตัวมาพลาดเสียทริปเปิลโบกี ส่งผลให้ ปาร์ค อินบี ที่ออกสตาร์ตตามหลังอยู่ 4 สโตรก คว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 12 อันเดอร์พาร์ 276

กลับมาในปีนี้บรรดานักกอล์ฟสาวไทยทั้ง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล, “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ, “โปรวิ่ง” ภรณีย์ ชุติชัย และดาวรุ่งอย่าง อาฒยา ฐิติกุล, ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ กับ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ที่เป็นตัวแทนชาติลงแข่งขัน จึงหวังสร้างประวัติศาสตร์คว้าโทรฟีในประเทศให้ได้

ประโยชน์ด้านต่างๆ
นอกจากการแข่งขันที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยยังได้รับประโยชน์ด้านต่างๆ มากมายจากการจัดการแข่ง อาทิ ได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ความเป็นไทย และวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก โดยได้จัดกิจกรรมในการนำนักกอล์ฟชื่อดังร่วมสวมชุดไทยแถลงข่าวก่อนเกมการแข่ง, จัดคลีนิกนักกอล์ฟให้แก่เยาวชน และมอบของต่างๆ ให้แก่เยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ซึ่งจะเป็นภาพลักษณ์อันดีไปสู่สายตาคนทั่วโลก และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัวอีกด้วย

ทั้งหมดนี้คือสุดยอดรายการที่ใหญ่ที่สุดของไทยศึก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ซึ่งสาวไทยจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์มาครองได้หรือไม่นั้นต้องคอยส่งแรงใจเชียร์กันต่อไป แต่นอกจากการแข่งขันในสนามแล้ว นอกสนามคืออีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันสร้างภาพลักษณ์อันดีไปสู่สายตาคนทั่วโลกนั้นเอง