ด.ช.12รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซื้อแก๊สอัดกระป๋องดมดับอนาถ

ร.ต.อ ประชิต ตะไลกลาง พนักงานสอบสวน สภ.ขามสะแกแสง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบศพผู้เสียชีวิตที่ด้านหลังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบมีประชาชนมุงดูเป็นจำนวนมาก พร้อมจับวิพากษ์วิจารณ์ เจ้าหน้าที่จึง กระจายกำลังกั้นผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกไปจากจุดเกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบศพเด็กชายบี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ขามสะแกแสง เสียชีวิตในสภาพนอนหงายโดยมีกระป๋องแก๊สยี่ห้อมิสแตอร์สโต๊ป และถุงพลาสติก แบบหูหิ้ว หล่นอยู่ข้างข้างศีรษะ ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอย และพยานหลักฐานที่จะบ่งบอกเป็นเหตุฆาตกรรม จึงมอบหมายให้หน่วยกู้ภัยฮุก.31 นครราชสีมา เคลื่อนย้ายศพส่งไปให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ผ่าศพชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ นอกจากนี้ได้รับแจ้งเพิ่มเติม พลเมืองดีได้ นำเด็กชายอีกรายซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นเรียน ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลขามสะแกแสง เบื้องต้นอาการปลอดภัย

ร.ต.อ ประชิต กล่าวว่า ผลการสอบสวนทราบว่า เด็กชายทั้ง 2 คน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้มาซื้อแก๊สกระป๋องที่ห้างโลตัส ซึ่งเป็นแก๊สให้พลังงานความร้อนใช้ในการประกอบอาหาร ซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดากลุ่มนักท่องเที่ยว นำมาใช้หุงต้มในขณะทำกิจกรรมแค้มปิ้ง แต่เด็กชายเอ และบี ต้องการนำมาสูดดมแทนสารระเหย หวังให้เคลิบเคลิ้ม โดยใช้ถุงพลาสติกแบบหูหิ้วครอบศีรษะและฉีดพ่นแก๊สเข้าไป ขณะที่เพื่อนฉีดพ่นในปริมาณไม่มาก จึงรอดชีวิตหวุดหวิด จนกระทั่งชาวบ้านมาพบเห็นร่างเด็กชายทั้งสองนอนสลบอยู่ด้านหลังห้าง

ด้านพระครูศีลวราภรณ์ หรือหลวงพ่อเฉลิม ผู้อำนวยการสถานศึกษา  กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ 2535 เพื่อเป็นสถานศึกษารองรับเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาในการดำรงชีพ 5 กลุ่ม คือ กำพร้า พ่อแม่หย่าร้าง ฐานะยากจน เด็กและเยาวชนหลงผิด และพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องโทษในเรือนจำ ล่าสุดมีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ม.6 ประมาณ 300 คน ซึ่งแต่ละวันต้องคอยรับโทรศัพท์จากญาติโยม เฉลี่ย 5 สาย ซึ่งทราบข่าวจากโลกออนไลน์และปากต่อปาก ว่า โรงเรียนมัธยมพุทธเกษตร เป็นสถานศึกษารองรับเด็กและเยาวชนที่ปัญหา ซึ่งต่างจากการศึกษาในสถานพินิจ จึงมีการส่งบุตรหลานจากทั่วสารทิศให้มาเรียนที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากจะเป็นครูสอนหนังสือ ยังต้องจัดเวรยามควบคุมดูแลชีวิตความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด โดยตามแก้ปัญหาสังคมให้เป็นประจำเนื่องจากเด็กและเยาวชนที่ถูกส่งตัวมาที่นี้ จะมีปัญหาพ่อแม่หย่าร้างและหลงผิดมากที่สุด ซึ่งเป็นธรรมดาในสังคมคนเลวย่อมมีแต่คนดีก็มาก อาตมาและครู พยายามขัดเกลาและอบรมบ่มนิสัย จึงมีลูกศิษย์สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สังกัดมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ รวมทั้งมีหน้าที่การงาน

สำหรับ ด.ช เอ เป็นเยาวชนที่มีปัญหาเคยติดสารระเหยและขาดผู้อุปการะ โดยถูกส่งตัวมาจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อประมาณ 2 เดือน ได้ลักลอบในช่วงบ่ายของวันหยุด แอบไปซื้อแก๊สกระป๋องมาสูดดมจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต