ป.ป.ช.ยันแสวงหาข้อเท็จจริง บริษัทลูก'พล.อ.ปรีชา'ไม่สะดุด

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช. ให้คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่มีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชายพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นคู่สัญญากับภาครัฐหลายแห่ง รวมถึงกองทัพภาคที่ 3 ด้วย รวมวงเงินกว่า 155 ล้านบาท ว่า หลังจากที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ประกาศใช้เมื่อปลายปี 2559 แล้วป.ป.ช. ต้องดำเนินการแก้ไขระเบียบของป.ป.ช.เองเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว

โดยเฉพาะในเรื่องการแสวงหาข้อเท็จจริงจากเดิมที่เป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. สามารถมอบหมายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที แต่ในกฎหมายใหม่การแสวงหาข้อเท็จจริง ต้องให้คณะกรรมการป.ป.ช. เป็นผู้มอบอำนาจ เราจึงต้องแก้ไขระเบียบภายในเพื่อให้คณะกรรมการป.ป.ช. เป็นผู้มอบหมายเฉพาะเรื่องว่าจัดให้มีการปฎิบัติหน้าที่อย่างไร ซึ่งมีการประชุมและแก้ไขมาแล้วหลายรอบ และจะเสนอรอบสุดท้ายเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันอังคารที่ 14ก.พ.นี้ เพื่อขอความเห็นชอบ และเมื่อประธานป.ป.ช. ลงนามในร่างระเบียบดังกล่าว และส่งไปสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

“ผมยืนยันว่าไม่ได้สะดุด เป็นเฉพาะการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีของลูกพลเอกปรีชาเท่านั้น แต่ทุกคดีเหมือนกันหมดที่เราต้องชะลอไปเป็นเวลาสองเดือนเท่านั้นเพื่อแก้ไขระเบียบภายในให้สอดรับกับขั้นตอนของกฎหมายใหญ่ทั้งนี้งานไม่ได้หยุดชะงักเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าทำงานอยู่ต่อไปและเมื่อได้มติจากที่ประชุมคณะกรรมการแล้วคงใช้เวลาอีกไม่เกิน4-5 วันเท่านั้น สัปดาห์หน้าก็จบแล้วงานการแสวงหาข้อมูลก็เดินต่อได้”