วุ่นรถสารเคมีคว่ำบนมอเตอร์เวย์ ปิดถนนนานครึ่งวัน

วุ่นรถสารเคมีคว่ำบนมอเตอร์เวย์ ปิดถนนนานครึ่งวัน

เหตุวุ่น รถพ่วงขนสารเคมีแหกโค้ง พลิกคว่ำบนมอเตอร์เวย์ ต้องปิดถนนเพื่อเคลียร์นาน4ชม. เผยจุดเดิมซ้ำซาก โชคดีไม่มีคนเจ็บหรือเสียชีวิต

เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.ชัยรัตน์ กิจงาม รองสารวัตรสอบสวน สทล.1 กองกำกับการ 8 ตำรวจทางหลวงพิเศษสาย 7 มอเตอร์เวย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์บรรจุสารเคมีไม่ทราบชนิด เสียหลักพลิกคว่ำที่บนทางยกระดับ ข้ามถนนสายบางนา-ตราด ก่อนเข้าสู่ทางด่วน ถนนสายมอเตอร์เวย์ กม.39 (บางวัว) ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง ยี่ห้ออีซูซุ (DEGA) หัวสีขาว หมายเลขทะเบียน 70-4771 นนทบุรี ห่างพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-4765 นนทบุรี ของบริษัท ตติยะพล จำกัด ด้านหลังบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์แบบสั้น (ครึ่งตอน) ล้มตะแคงข้างพิงอยู่กับราวขอบสะพานต่างระดับ และยังมีแนวรั้วขอบสะพานพังเสียหายเป็นทางยาวกว่า 15 เมตร สภาพตัวรถด้านหน้ากระจกบานใหญ่แตก และมีสารเคมีสีน้ำตาลดำไหลนองออกมาจากภายตู้สินค้า จนเต็มพื้นถนน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง คล้ายกันกับกลิ่นของน้ำอัดลมรสส้มที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ โดยกลิ่นมีความฉุนและรุนแรงกว่ามาก

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสารเคมีชนิดผงสีเหลืองอมน้ำตาล คล้ายกันกับผงของโกโก้ ตกหล่นอยู่บนพื้นถนนเป็นกองใหญ่ จำนวน 3 กอง โดยที่สารเคมีน้ำสีน้ำตาลนั้นหลังจากตกกระจายลงสู่บนพื้นถนนแล้ว ยังออกฤทธิ์กัดกร่อนกับสีที่ใช้ทาตีเส้นจราจรบนพื้นถนน จนลอกร่อนออกมาอีกด้วย ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วน และตำรวจทางหลวงพิเศษ จึงได้ทำการปิดเส้นทางขึ้นเพื่อเข้าสู่ทางด่วนถนนสายมอเตอร์เวย์ด้านขาเข้าในทันที

ส่วนคนขับรถทราบชื่อคือ นางทัศนีย์ มานุช อายุ 42 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ได้ถูกอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ช่วยเหลือนำตัวส่งไปยัง รพ.เอกชนในพื้นที่แห่งหนึ่ง (จุฬารัตน์ 11)ในทันที โดยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเหนือคิ้วซ้ายมีแผลแตก และมีร่องรอยถลอกตามร่างกาย

ด้าน นายสมควร เทพไทย อายุ 30 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ คนขับรถพ่วงบริษัทเดียวกันอีกหนึ่งคัน ที่ขับตามมาและพบเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ถนนบริเวณนี้มักเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากทางต่างระขึ้นสู่มอเตอร์เวย์จุดนี้มีวงทางโค้งที่สั้นไป และความเอียงลาดของพื้นถนนไม่รับกับวงโค้งของเส้นทาง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง เท่าที่ตนผ่านมาพบเห็นก็มากถึง 4 ครั้งแล้ว ซึ่งจุดเกิดเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในหลายๆ ครั้ง ที่ผ่านมานั้น ล้วนเป็นจุดเดียวกันทั้งหมด คนที่จะขับรถบรรทุกหนักขึ้นมาบนทางสายนี้ จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก หรือต้องขับขึ้นไปอย่างช้าๆ

“รถคันนี้ปกติแล้วจะมีผู้ชายเป็นคนขับ ส่วนนางทัศนีย์ นั้นจะเป็นมือสำรอง จึงอาจไม่ชำนาญเส้นทาง โดยเฉพาะจุดทางโค้งที่บริเวณนี้ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญ และระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงอาจทำให้คนขับรายนี้ซึ่งยังไม่มีความชำนาญมากนัก อาจควบคุมรถไม่อยู่และเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ส่วนสินค้าที่บรรทุกมานั้น ทางบริษัทที่ตนทำงานอยู่นั้นเป็นเพียงผู้รับจ้างขนส่งถ่ายบรรทุกมาจากท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อนำไปส่งยังที่ คลังสินค้า ICD ลาดกระบังเท่านั้น จึงไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ภายในตู้ที่บรรทุกมา” นายสมควร กล่าว

ร.ต.อ.ชัยรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น เป็นลักษณะของบรรทุกพ่วงเสียหลักพุ่งชนกับราวสะพานด้วยตนเอง ก่อนพลิกคว่ำ เนื่องจากคนขับไม่สามารถที่จะทำการควบคุมรถให้เข้าทางโค้งได้ จึงทำให้ต้องปิดการจราจรในทันที เนื่องจากมีสารเคมีรั่วไหล และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถคันอื่นๆ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังอุบัติเหตุเกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางการสัญจรดังกล่าวเป็นเวลานาน โดยใช้เวลาเกือบ 3 ชม. ในการใช้รถเครนยกรถคันที่ประสบอุบัติเหตุเสียหายออกไปจากเส้นทาง และยังต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงทางด่วนพิเศษสายนี้ เข้ามาทำการกำจัดสารเคมีที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนนอีกเกือบ 2 ชม. จึงทำให้ช่องทางขาเข้าสู่ทางเชื่อมด่วนมอเตอร์เวย์สาย 7 บริเวณ กม.39 ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานถึงกว่าครึ่งวัน