Daily Market Outlook (17 ม.ค.60)

Daily Market Outlook (17 ม.ค.60)

กังวล Brexit, ท่าทีแข็งกร้าวของ Trump

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ท่ามกลางการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนโลกก่อนหน้านายกอังกฤษมีคำปราศรัยเกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปที่มีแนวโน้มหักดิบ นอกจากนั้น ยังคงเป็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของ Trump ที่คำกล่าวในระยะหลังล้วนสร้างความกังวลให้แก่ฝ่ายตรงกันข้ามหรือผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้นำจีนและยุโรป ปัจจัยภายในประเทศวันนี้มีทั้งบวกและลบ รัฐบาลตั้งกองทุน 2 หมื่นล้านบาทช่วย SME ภาคท่องเที่ยวและเกษตร อัตราปฏิเสธสินเชื่อบ้านของธนาคารจะยังคงเป็นปัญหาของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งกว่านั้นกฎเกณฑ์ดูท่าจะยิ่งเข้มงวดขึ้น

หุ้นเด่นวันนี้: HMPRO (ราคาปิด 10.40 บาท;NR; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA 11.63 บาท)

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัยในประเทศไทย บริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้เพราะเจ้าของบ้านจะต้องซ่อมและเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของบ้านหลังน้ำท่วมผ่านพ้นไป บริษัทยังน่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้นนับแต่ไตรมาส รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อกระตุ้นการบริโภค HMPRO มีสาขาทั้งสิ้น 93 สาขาทั่วประเทศ เปิดดำเนินการภายใต้แบรนด์โฮมโปร 80 สาขา ภายใต้แบรนด์เมกาโฮม 11 สาขาและ 2 สาขาในประเทศมาเลเซีย ปีที่แล้ว HMPRO ได้เปิดธุรกิจใหม่ Homepro Living ซึ่งเน้นวัยเริ่มทำงานและผู้ที่อยู่ในคอนโดหรือบ้านขนาดเล็ก สาขาใหม่ต่างๆ ที่เปิดน่าจะเพิ่มยอดขายได้ 15-20 ลบ.ต่อเดือน และยังเพิ่มอัตรากำไรดำเนินงานด้วยจากการประหยัดโดยขนาด กลยุทธ์ของ HMPRO ที่จะผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (house brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเข้าไปอีก ปีนี้ปัจจัยขับเคลื่อนน่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งน่าจะช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงการจับจ่ายใช้สอยด้วย จากค่าเฉลี่ยของสมาคมนักวิเคราะห์กำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตได้ 14% ปีนี้และ 13% ปี 60 Price Pattern ของ HMPRO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 11.50 บาท HMPRO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 9.90 บาท (แนวต้าน: 10.50, 10.60, 10.80; แนวรับ: 10.30, 10.20, 10.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• เตรียม 2 หมื่น ลบ. เพื่อหนุน SME เงินทุนรวม 2 หมื่น ลบ. จะตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือธุรกิจระดับกลางและระดับย่อม (SME) มุ่งเน้นภาคท่องเที่ยวและการเกษตร รองนายกฯ สมคิดกล่าวว่าเป็นหนึ่งในแผนช่วย SME ต่อความเปลี่ยนแปลง (Bangkok Post)

• อสังหาริมทรัพย์ : อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ยังคงเป็นความกังวลหลักสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ โดยธนาคารฯ มีแนวโน้มที่จะเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอสินเชื่อ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากปี 2559 แต่ตลาดคอนโดฯ คาดว่าจะได้แรงหนุนใหม่จากรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เป็นคำกล่าวของนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ SPALI ในขณะที่ นายเศรษฐาทวีสิน ประธานกรรมการของ SIRIกล่าวว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในปี 2560 คาดว่าจะเติบโต 4-5% โดยหนี้ครัวเรือนที่สูงจะยังคงเป็นความกังวลหลัก มีผลต่อความสามารถในการกู้ซื้อบ้าน ปัจจัยนี้จะเป็นความน่ากังวลที่ยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ (บางกอกโพสต์)ความเห็น: สองผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์พูดตรงกันว่าการถูกปฏิเสธสินเชื่อสำหรับผู้ซื้อบ้านโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เรายังคงแนะนำซื้อ SPALI (ราคาปิด 24.90 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 32 บาท)และ SIRI(ราคาปิด 1.79 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 2.24 บาท) แต่หากเลือก Top Pick ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เราเลือก ANAN(ราคาปิด 5.40 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท)

• SPALI (Analyst Meeting) :  SPALI (Bt24.9) วางแผนจะออกโครงการใหม่ในปีนี้ 29 โครงการ มูลค่ารวม 37,200 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 24,100 ล้านบาทม +54%YoY) ประกอบไปด้วย 5 โครงการคอนโดมีเนียม มูลค่ารวม 19,800 ล้านบาท (53%) และ 24 โครงการแนวราบมูลค่ารวม 17,400 ล้านบาท (47%) และตั้งเป้า Presales เพิ่มขึ้นเป็น 27,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 12%YoY ขณะที่ตั้งเป้ารายได้จากการขายไว้ที่ 24,500 ล้านบาท (+11.3%YoY) ขณะที่ Backlog รวมอยู่ที่ 36,500 ล้านบาท ซึ่ง 37.4% จะเป็น Backlog ที่สร้างรายได้ให้ในปี 2560 ความเห็น: เราแนะนำซื้อ คงประมาณการ EPS ปี 2560 ที่ 3.20 บาท ราคาเป้าหมาย 32 บาท อิงค่า PER10 เท่า

• BANPU (19.60 บ.) เข้าซื้อหุ้นในธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 10.24% ในแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งหนึ่งบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติ Marcellus shale ในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าการลงทุน 63 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 2,230 ล้านบาท มีปริมาณสํารองก๊าซฯ 133 พันล้านลูกบาศก์ฟุตตามสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถผลิตก๊าซได้ราว 18 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทั้งนี้แหล่งดังกล่าวดำเนินการผลิตและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติป้อนให้แก่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติสูง (SET)ความเห็น : ต้นทุนการเข้าซื้อที่ระดับ 0.47 เหรียญฯ/ล้านลูกบาศก์ฟุตปริมาณสำรอง ถือว่าไม่แพงและถูกกว่าต้นทุนการเข้าซื้อครั้งก่อนหน้าในสินทรัพย์ก๊าซฯ JEA ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันในแหล่ง Marcellus ซึ่งอยู่ที่ 0.72 เหรียญฯ/ล้านลูกบาศก์ฟุต ทั้งนี้เรามองว่าโครงการดังกล่าวสามารถใช้สาธารณูปโภคร่วมกับโครงการลงทุนก่อนหน้าได้ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและความต่อเนืองให้กับสินทรัพย์แหล่งก๊าซธรรมชาติทีบริษัทลงทุนอยู่

ต่างประเทศ:

• ไอเอ็มเอฟคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่อัตรา 3.4% ในปีนี้และ 3.6% ในปี 2561จากประมาณการในปี 2559 ที่ 3.1% (Reuters)

• คาดว่าอังกฤษจะไม่ออกจากสหภาพยุโรปอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ นางเทเรชา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะแถลงเกี่ยวกับการเจรจาในการแยกตัวออกจากยุโรปของอังกฤษในวันอังคารนี้ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ๆ คือการออกจากตลาดเดียวในยุโรป (single market) เพื่อให้อังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการแบบ “hard Brexit” ซึ่งกดดันให้เงินปอนด์อ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในรอบกว่า 3 ทศวรรษ (Reuters)

• เงินปอนด์ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปีเมื่อวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคารนี้ว่าอังกฤษเตรียมที่จะดำเนินการแบบ “hard Brexit” โดยออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างหนักสู่ระดับ 1.1983 ดอลลาร์สหรัฐของการซื้อขายช่วงเช้าในตลาดเอเชีย ซึ่งไม่ได้เห็นการอ่อนค่ามากขนาดนี้นับแต่เกิดเหตุการณ์ “flash crash” ซึ่งเงินปอนด์อ่อนค่าลงถึง 10% ในช่วงไม่กี่นาทีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. นอกจากนั้นแล้ว ค่าเงินปอนด์ที่ร่วงลงดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนพ.ค. 2528 (Reuters)

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่าองค์การนาโตเป็นองค์กรที่ล้าสมัยแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้ปกป้องภัยจากผู้ก่อการร้าย แต่การเป็นพันธมิตรทางการทหารยังเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเขา ทรัมป์กล่าวอีกว่ามีสมาชิกองค์การนาโตจำนวนมากไม่ชำระเงินสำหรับการให้การปกป้องทางทหารของสหรัฐ (The Times of London)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการเมื่อวันจันทร์ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงนำโดยการอ่อนตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ อย่างไรก็ตามดัชนี FTSE ของอังกฤษยังคงเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่จากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ราคาหุ้นLuxottica และEssilorปรับตัวสูงขึ้นหลังทั้งสองบริษัทตกลงการควบรวมกิจการด้วยมูลค่า 4.6 หมื่นล้านยูโร หุ้น BMW Daimler รวมไปถึง Volkswagen ต่างปรับตัวลดลงหลัง Donald Trump กล่าวเตือนถึงการบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่มาจากฐานการผลิตในประเทศเม็กซิโก (Reuters)


เอเชีย:

• จีนจะลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2560 เหลือประมาณ 6.5% จากปีที่ผ่านมา 6.5-7% แหล่งที่มาจากผู้กำหนดนโยบายตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากการสนับสนุนการเจริญเติบโตจากปัจจัยเสี่ยงหนี้ที่อยู่อาศัย โดยเป้าหมายใหม่ที่นำเสนอได้รับการรับรองโดยผู้บริหารระดับสูงในการประชุมทางเศรษฐกิจกลางเดือนธันวาคม(Reuters)

• จีนจะดำเนินการที่แข็งกร้าวถ้าประธานาธิบดี Donald Trump ยังคงกระตุ้นให้จีนเป็นปฏิปักษ์กับไต้หวันการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัที่ตีพิมพ์ในวันศุกร์ทรัมป์กล่าวว่านโยบาย "หนึ่งในประเทศจีน" จะถูกเจรจาต่อรอง กระทรวงต่างประเทศของจีนในการตอบสนองกล่าวว่า "หนึ่งในประเทศจีน" เป็นรากฐานของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และเจรจาต่อรองไม่ได้ (Reuters)

• IMF ปรับคาดการณ์การเติบโตจีนขึ้น แต่ปรับของอินเดียลง IMF ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนขึ้น 0.3% เป็น 6.5% บนการคาดการณ์ว่าจะมีนโยบายกระตุ้นต่อไป จาก 6.7% ในปี 59 ที่พึ่งปรับไป แต่ได้ลดแนวโน้มการเติบโตของอินเดียลง 0.4% เป็น 7.2% เพราะการบริโภคของอินเดียถูกกระทบจากการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะกำจัดธนบัตรจำนวนมาก (Reuters)

• BOJ ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจสำหรับ 3 ภูมิภาคจาก 9 ภูมิภาค ในรายงานรายไตรมาสเมื่อวันจันทร์ ระบุว่าภูมิภาคส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การปรับเพิ่มประมาณการสะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้นและความต้องการจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย และแนวโน้มที่ดีขึ้นของญี่ปุ่น ส่วนอีก 6 ภูมิภาคยังคงการคาดการณ์ไว้อยู่ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบปรับตัวลดลงวันจันทร์ เพราะความกังวลว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะลดกำลังการผลิตได้ตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่และจากการคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ น้ำมันดิบ Brent ปิดลบ 4 เซนต์หรือปิด 55.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 10เซนต์ปิด 52.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำปรับตัวบวกวันจันทร์ วิ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังความเห็น Donald Trump ต่อ NATO และจีน ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.5% ที่ 1,203.8 ดอลลาร์สหรัฐ หลังแตะจุดสูงสุดนับแต่ 23 พ.ย. ที่ 1,207.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐปิดบวก 0.6% ที่ 1,203.20 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)