'ม.หอการค้า' คาดส่งออกปีนี้ขยายตัว 1.3-4.2%

'ม.หอการค้า' คาดส่งออกปีนี้ขยายตัว 1.3-4.2%

"ม.หอการค้า" คาดส่งออกปีนี้ขยายตัว 1.3-4.2% เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว-บาทอ่อนค่า-ราคาน้ำมันปรับขึ้นช่วยหนุน ประเมินน้ำท่วมใต้กระทบ 1.5-2 หมื่นลบ.

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทิศทางการส่งออกปี 2560 เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3-4.2 หรือเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2.8 มูลค่าส่งออก 218,403-224,635 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเฉลี่ยประมาณ 221,583 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะขยายตัวได้ดีในตลาดสหรัฐ ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นคาดว่าจะขยายตัวมากสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 อาเซียน รวมถึงตะวันออกกลาง

สำหรับโอกาสการส่งออกปี 2560 มีปัจัยจัยสนับสนุนจากการที่หลายสำนักคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว การอ่อนลงของค่าเงินบาท ส่งผลให้ไทยมีความได้เปรียบด้านราคาส่งออกมากขึ้น คาดว่าค่าเงินจะแกว่งตัวประมาณ 36-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากนายโดนัล ทรัมป์ ใช้นโยบายเงินดอลลาร์อ่อนค่าเงินบาทอาจจะแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียมีทิศทางอ่อนค่าลง ส่วนหยวนก็อ่อนค่าลงจากปัจจัยเงินทุนไหลออก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่ยังคงอยู่ระดับต่ำ ส่งผลให้ไทยส่งออกไปประเทศส่งออกน้ำมันมากขึ้น รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อสินค้าเกษตรไทย คาดว่าส่งออกข้าวจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและสตอกข้าว คาดส่งออกไปจีนมากขึ้นตามสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี คาดว่าจีนและฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวไทยมากขึ้น

นอกจากนี้ การค้าชายแดนและผ่านแดนรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าการส่งออกของการค้าชายแดนปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.6 หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกประมาณ 17,858 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้านับรวมการส่งออกชายแดนและผ่านแดนรวมคาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.9 มูลค่า 20,305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าดาวเด่นของการค้าชายแดนส่งไปมาเลเซีย คือ ยางพารา คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ไม้แปรรูป สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร รถยนต์และอุปกรณ์ ขณะที่เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา สินค้าได้รับความนิยม คือ เครื่องอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะเครื่องดื่ม ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง และเครื่องสำอาง ทั้งนี้ ตลาดการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านคู่ค้าอันดับแรก คือ มาเลเซีย รองลงมาลาว กัมพูชา และเมียนมาร์

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงของการส่งออก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ไทยส่งออกไปจีนหดตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2557 สินค้าได้รับผลกระทบ คือ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ การกีดกันทางการค้าของนายโดนัล ทรัมป์ ส่งผลทางตรงไทยมีโอกาสทำตลาดในสหรัฐมากขึ้นกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร และยางพารา ทางอ้อม คือ ไทยส่งออกไปตลาดจีนลดลง ในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร ขณะที่สินค้าจีนก็ทะลักเข้าไทยด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยุโรป และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 5-10 บาท ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการดำเนินธุรกิจมาก เพราะเพิ่มเพียงร้อยละ 2 เฉลี่ย 7 บาทต่อวัน แตกต่างจากปี 2556 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ในอัตรา 300 บาททั่วประเทศ แต่ยอมรับว่าอาจกระทบอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลักบ้าง

นายอัทธ์ ประเมินผลกระทบเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท ผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เกษตรกร นักท่องเที่ยว โรงงาน และภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ สินค้าได้รับผลกระทบ คือ ยางพารา บางพื้นที่น้ำเริ่มลด แต่ยังห่วงพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะน้ำยังสูง คาดว่าภายใน 1-2 เดือน สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ต้องเร่งฟื้นฟูความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีสินค้าอุปโภคบริโภคน้ำดื่ม ภาคเกษตร ถนน สินค้าและบริการ ขณะที่ภาคท่องเที่ยวต้องเร่งฟื้นฟูให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ มั่นใจไม่กระทบการขยายตัวของจีดีพี ซึ่งมีมูลค่า 13-14 ล้านล้านบาทต่อปี อยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาวอย่างยั่งยืน