‘ลลิล’ ชี้อสังหาฯ ปี60ทรงตัว ปรับโมเดล”รุกไว”

ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มองธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 อยู่ในภาวะ ”ทรงตัว” หรือเติบโตได้เล็กน้อย เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศคาดการณ์เติบโตราว 3% บวกลบ ไม่ต่างจากปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกเพียงโครงการลงทุนของภาครัฐเริ่มมีความชัดเจนขึ้นบ้างแล้ว

ขณะที่ปัจจัยภายนอก ภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่ดีนัก ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐ ขณะที่จีน ประกาศนโยบายเน้นการบริโภคภายในประเทศ ย่อมมีผลกระทบต่อการส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบจาก “เบร็กซิท” ได้

“เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมยังทรงตัว ส่งผลต่อภาคอสังหาฯ ทรงตัวตาม หรืออาจบวกลบได้เล็กน้อย แต่ไม่หวือหวาเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในกรุงเทพฯ เฉลี่ยปีละกว่า 1 แสนยูนิต ซึ่งตัวเลขจดทะเบียนลดลงมาเรื่อยๆ 8 เดือนที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน”

การลงทุนในปีหน้าต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม มีซัพพลายเหลือขายในตลาดจำนวนมาก จึงยังไม่มีแผนเปิดคอนโด ขณะเดียวกัน ลดสัดส่วนการลงทุนในต่างจังหวัด ที่ตลาดรวมยังชะลอตัวต่อเนื่อง จากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สะท้อนจากยอดขายรถปิกอัพ มอเตอร์ไซค์ เป็นดัชนีชี้วัดว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ส่วนภาคอุตสาหกรรมเอง ไม่ดีมาก เพราะทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ 2 เซกเตอร์หลัก มีการส่งออกลดลง

ปีหน้า ลลิลจะให้น้ำหนักการลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มากขึ้น เพิ่มสัดส่วนขึ้นไปถึง 70% ต่างจังหวัดเหลือ 30% จากที่ปีนี้ลงทุนต่างจังหวัดเกือบ 50% จากโครงการที่เปิดทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่า 4,025 ล้านบาท เป็นโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ

“ปีหน้าตลาดอสังหาฯ แข่งขันดุเดือดมาก เพราะทุกบริษัทเลื่อนโครงการไปเปิดปีหน้าจำนวนมาก กลยุทธ์ของบริษัท ต้องรุกตลาดให้ไว มองหาทำเลใหม่ โปรดักส์คอนเซปต์ใหม่ เพื่อเปิดตลาดใหม่ เช่น ลลิล ทาวน์ เน้นเปิดต่างจังหวัด เพราะเป็นโครงการไซส์ใหญ่ ใช้ที่ดิน 60-70 ไร่ ซึ่งในกรุงเทพฯหายาก"

คอนเซปต์ ของ ลลิล ทาวน์ จะมีโปรดักส์ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทุกระดับราคา เพื่อให้ลูกค้าซื้อได้!! รองรับครอบครัวใหม่ ที่ต้องการอยู่ไกลครอบครัวเดิม ระดับราคา เน้น 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก เป็นกลุ่มที่มีรายได้ 3-7 หมื่นบาทต่อครัวเรือน เป็นตลาดเป้าหมายของทุกบริษัท ฉะนั้น ต้องหาจุดแข็งและช่องว่างตลาดในแต่ละทำเล

“กำลังซื้อปีหน้ายังน่าเป็นห่วง หัวใจสำคัญการทำตลาด ต้องปรับตัวให้ไว เกาะติดสถานการณ์ตลอดเวลา”

  บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนปีหน้าคาดเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่าปีนี้ สำหรับผลประกอบการปีนี้ ทำได้เกินเป้าหมายไปแล้ว จากเป้า 2,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย 2,400 ล้านบาท