ลั้นลา ลันตา

ลั้นลา ลันตา

แดดจัดจ้าในวันฟ้าเปิด เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาของฤดูหนาวแล้ว และนี่ก็จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของทะเลอันดามันแล้ว จะรอช้าอยู่ไย...

...เก็บกระเป๋าเอาจักรยานลงใต้ไปปั่นเที่ยวกันเถอะ

            เครื่องบินแลนดิ้งที่สนามบินกระบี่ ยกสัมภาระและจักรยานขึ้นรถตู้โดยสารมุ่งหน้าสู่ ‘เกาะลันตา’

            ที่เกาะลันตานั้นทั้งใหญ่ทั้งครบเครื่อง มีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรร ตั้งแต่แสงสี ความเงียบสงบ ธรรมชาติ อาหารการกิน ไปจนถึงวิถีชีวิต ทำให้มั่นใจได้ว่าตลอดระยะทางที่จะปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะลันตาครานี้จะได้เจอทุกรสชาติแน่นอน

            เช้าตรู่ที่หลายชีวิตยังหลับใหล เราเลือกที่จะออกไปทำสิ่งที่เราหลงใหล จากโฮสเทลที่ชื่อว่า Sincere Hostel Bar & Bistro ละแวกท่าเรือศาลาด่าน เป้าหมายของเราคือไปที่เมืองเก่าตรงท้ายเกาะ จักรยานสามคันกับคนสามคน (เจ้าของโฮสเทลให้เกียรตินำขบวน) ปั่นไปตามถนนสายหลักซึ่งมีอยู่สายเดียวรอบเกาะ

            ถนนสายนี้ยามเช้าน่าจะถูกใจนักปั่นมากทีเดียว เพราะรถน้อย อากาศดี และถนนค่อนข้างดี อาจมีหลุมบ่อบ้างบางช่วงก็คอยระวังกันนิดหนึ่ง และที่ต้องยกนิ้วให้คือตลอดทางมีจุดให้แวะมากมาย แค่เริ่มต้นไม่ทันไรก็มีหาดให้แวะตลอด ไล่เรียงมาตั้งแต่ หาดคอกวาง, หาดคลองดาว, หาดพระแอะ, หาดคลองโขง, หาดคลองหิน, หาดคลองนิน ฯลฯ แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนคือท้ายเกาะ (ช่วงแหลมโตนด) จึงไม่ได้แวะหาดรายทางที่ว่ามา

            ความสนุกท้าทายเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อพ้นย่านชุมชน เมื่อสองข้างทางแปรเปลี่ยนเป็นป่าบ้าง สวนยางบ้าง เส้นทางถูกวางไว้ไปตามเนินเขา นั่นหมายความว่ามีเนินชัน เนินซึม ให้นักปั่นสายไต่เขาได้ออกแรงกันสนุกขาเลยทีเดียว

            จนถึงจุดที่ต้องบอกว่าเสียวที่สุดของถนนสายนี้คือเมื่อมาถึงเขาใหญ่ “ห๊ะ! ปั่นจากเกาะลันตามาถึงเขาใหญ่เชียวเหรอ?!” ไม่ใช่เขาใหญ่ที่ปราจีนบุรี นครนายก นั่นหรอกครับ แต่เป็นเขาใหญ่ที่เกาะลันตา จุดนี้สังเกตง่ายๆ จะมีร้านอาหารชื่อว่าเขาใหญ่เหมือนกัน เป็นจุดที่สูงชันมาก ให้ตั้งสติและประคองรถดีเมื่อต้องดิ่งลงไปตามทาง เพราะข้างหน้าคือโค้งหักศอกแบบตัวเอส (S) เมื่อผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว เพราะอีกไม่กี่อึดใจคือท้ายเกาะ

            ภาพบ้านเรือนที่มีลักษณะเฉพาะเรียงรายเป็นแถวทั้งสองฝั่งถนนชี้ชัดว่าเราได้มาถึงชุมชนเมืองเก่าลันตา หรือ ชุมชนศรีรายา (ฝรั่งเรียก Lanta Old Town) ย่านที่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่สุดของเกาะลันตาอายุกว่าร้อยปี แต่ยามเช้าแบบนี้บ้านแต่ละหลัง ร้านแต่ละร้าน ยังหลับใหลอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงปั่นต่อไปอีกหน่อยที่ที่ว่าการอำเภอเกาะลันตาหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา

            ที่ว่าการอำเภอนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารไม้สองชั้น ซึ่งปัจจุบันสถาปัตยกรรมแบบนี้เหลืออยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ต่อมาได้กลายเป็นที่ทำการของเทศบาล

            หลังจากเกิดสึนามิเมื่อปี 2547 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้เข้ามาสนับสนุนทุนร่วมกับชุมชนที่ร่วมกันฟื้นฟูชุมชนด้วยตัวเอง เห็นพ้องถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมชุมชน จึงปรับปรุงอาคารหลังนี้ให้กลายมาเป็น พิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา (Koh Lanta Community Museum) เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ประวัติศาสตร์ชาวเกาะลันตา

            “นักปั่นที่ลันตาเมื่อปั่นมาที่เมืองเก่า ต้องแวะกินข้าวแกงป้าเล็ก” พี่เจ้าของโฮสเทลเปรยแกมชักชวน แน่นอนว่าพวกเราต่างหิวแล้วเพราะปั่นมาไม่น้อยกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นเขาลงเขา

            ข้าวแกงป้าเล็กมีเอกลักษณ์ คือ มีให้เลือกไม่มาก วันละสามถึงสี่อย่าง แต่รับรองอร่อยทุกอย่าง แต่อย่าลืมสั่งไข่เจียวฝีมือป้า กินกับข้าวกินกับแกง อร่อยอย่าบอกใครเชียว

            กินข้าวเติมพลังแล้วปั่นต่อไปตามถนนสายเดิมที่ลากยาวไปอีกฝั่งของเกาะด้วย แต่ฝั่งนี้ไม่ค่อยมีเนินเขาให้ไต่สักเท่าไร เป็นทางราบ เรื่อยๆ แต่ร่มรื่นดี

            ไม่นานนักทางขวามือคือทุ่งหยีเพ็ง ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของเกาะลันตา ด้วยความที่ชุมชนนี้มีทรัพยากรป่าไม้และสายน้ำอุดมสมบูรณ์ ชุมชนจึงนำของดีในมือมาต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

            ปั่นจักรยานเข้าไปตามป้ายที่ระบุว่าเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งหยีเพ็ง แล้วหาที่จอดให้ดี เพราะต่อจากนี้ต้องเปลี่ยนยานพาหนะเป็นเรือหางยาวเข้าไปชมธรรมชาติของป่าชุมชน  ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องป่าชายเลน  แหล่งเพาะพันธุ์ปูไข่ สำหรับคนที่ไม่นั่งเรือ ก็มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเข้าไปในผืนป่าชายเลน ระยะทางไม่ไกลมาก

          ออกจากทุ่งหยีเพ็ง ปั่นกลับถึงโฮสเทล รวมระยะทางรอบเกาะเกือบ 50 กิโลเมตร อาจเป็นระยะทางไม่มากสำหรับนักปั่นขาแรง แต่นี่คือเกือบ 50 กิโลเมตรที่ทำให้หลงรักเกาะลันตาได้เลย