'อัศวิน' ประกาศกลางสภากทม. 'เตือนผมได้ อย่าให้ผมเหลิง'

'อัศวิน' ประกาศกลางสภากทม. 'เตือนผมได้ อย่าให้ผมเหลิง'

"ผู้ว่าฯอัศวิน" โชว์ใจกว้าง ประกาศกร้าวกลางสภากทม. "ทุกคนเตือนผมได้ อย่าให้ผมเหลิง" ลั่นจับมือพัฒนากรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร(กทม.) ศาลาว่าการกทม. สภากทม.จัดการสัมมนาระหว่างสมาชิกสภากทม. และผู้บริหารกทม. โดยร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภา กทม. กล่าวเปิดงานว่า วันนี้เป็นโอกาสและจังหวะเวลาสมควรที่จะจัดการสัมมนา เพราะสภากทม.ชุดนี้อยู่มาแล้ว 2 ปี ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากคณะผู้บริหารและข้าราชการทุกกลุ่ม ซึ่งสภากทม.มีความตั้งใจจะพัฒนากรุงเทพฯให้ประสบความสำเร็จตามนโยบายผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเราก็มาจากจุดเดียวกันจากการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ก็ประสบความสำเร็จในอาชีพตำรวจ ก็คิดว่าจะไปในทิศทางเดียวกับกทม.ในการดูแลประชาชน และการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข จึงอยากให้เกิด 3 ประสานในกทม. 1.คณะผู้บริหาร 2.ข้าราชการประจำ และ3.สถากทม. ดังนั้นถ้าทั้ง 3 ส่วนเข้าใจบทบาทร่วมกัน ก็จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ

“ การสัมมนาวันนี้เพราะอยากได้นโยบายของคณะผู้บริหาร เพื่อนำไปหารือในการสัมมนาที่เขาใหญ่ของสภากทม.ในวันที่ 24 - 25 พ.ย. ถึงแม้เวลาจะสั้น แต่ทุกคนตั้งใจหลังจากทำการบ้านไว้พอสมควร ที่ผ่านมาไม่เคยดำเนินการแบบนี้มาก่อน แต่ปีนี้สภากทม.อยากจะทำยุทธศาสตร์ของสภากทม.เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของฝ่ายบริหาร ให้นำแนวคิดวันนี้ปรับไปในทิศทางเดียว เราไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามกัน ต้องปรึกษาหารือกัน แต่สภากทม.ยังมีหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และพิจารณางบประมาณเหมือนเดิม แต่การหารือจะได้ให้เข้าใจง่ายขึ้น ไม่ใช่มาจ้องจับผิดเหมือนในอดีต สมาชิกสภากทม. 28 คนยืนยันจะร่วมมือกับผู้ว่าฯกทม.ด้วยความเต็มใจ เพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์กับกรุงเทพฯ”ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า กทม.มีหน้าที่ต้องดูแลเมือง ต้องสร้างความปลอดภัย ให้บริการการแพทย์ ส่งเสริมจารีตประเพณี สวัสดิการสังคม การผังเมือง การบรรเทาสาธารณะภัย การจัดการศึกษา ตนจึงได้กำหนดนโยบายกว้างๆ เพื่อดำเนินการบริหารกทม. ภายใต้กรอบ 3 ประการ 1.น้อมนำแนวโครงการพระราชดำริฯ มาเป็นแนวทางการปฏิบัติ ได้แก่ โครงการแก้มลิง กรุงเทพเมืองสวรรค์ เศรษฐกิจพอเพียง การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายถนน 2.การดำเนินโครงการเร่งด่วน ป่าชายเลน การแก้ไขปัญหาจราจร การบริหารจัดการน้ำให้ครอบคลุมทั้งระบบ 3.การสานต่อนโยบายของผู้ว่าฯกทม.คนเดิม นอกจากนี้ กทม.มีภารกิจสำคัญในการถวายสักการะพระบรมศพ โดยทำงานร่วมกับกอร.รส. เพื่อดูแลทุกภาคส่วน ทั้งเรื่องการแพทย์ การจัดที่พัก การจัดระเบียบรอบพระบรมมหาราชวัง เป็นไปตามที่รัฐบาลมอบหมาย ทั้งนี้ นโยบายกทม.จะประสบความสำเร็จต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน โดยเฉพาะจากสภาภกทม. เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“ ยืนยันว่าผมยินดีร่วมมือกับทางสภากทม. เพื่อสร้างให้กรุงเทพฯมั่นคและยั่งยืน เป็นสิ่งที่ดีที่สภากทม. ข้าราชการ ฝ่ายบริหารจะเดินไปด้วยกันได้ด้วยดี เราไม่มีข้อขัดแย้งอะไร ซึ่งสภากทม.และฝ่ายบริหารมาจากแม่น้ำสายเดียว ตอนนี้ผมเป็นผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว 37 วัน ก็เชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติก็เป็นพี่ๆเพื่อนๆ ก็เข้าใจกัน ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น คิดอยากจะทดแทนคุณแผ่นดิน ก่อนที่แผ่นดินจะกลบหน้า ทุกคนก็อยากทำความดีให้บ้านเมือง พี่ๆเพื่อนๆสมาชิกสภากทม.ทุกคนเตือนผมได้ท ไม่มีคนใดในโลกที่ทำถูกทั้งหมด เพราะฉะนั้นอย่าให้ผมเหลิง กระตุกหางไว้ จะได้มามองมาดูปลายเท้าตัวเองด้วย ” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

ด้านพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า จะนำความรู้ประสบการณ์ชีวิตราชการมาใช้ใก้เกิดประโยชน์ที่กทม.ทั้งหมด ตนก็เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) อยู่ด้วย ซึ่งตอนแรกมีเสียงนกเสียงกาว่าทำไมไม่ลาออก แต่ก็ไม่ตอบโต้ เพราะอยากทำให้รู้ว่าการอยู่มีประโยชน์มากกว่า ที่ผ่านมาเรื่องที่ผ่านสปท.มาแล้วมี 40 เรื่องที่เกี่ยวกับกทม. กว่าครึ่งไม่ต้องแก้กฎหมายไปที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ดังนั้นตนกับผู้ว่าฯกทม.จะเป็นโซ่ข้อกลางเพื่อส่งมาที่นี่เอง อาทิ เรื่องปัญหาจราจร ตนได้ประสานไปยังผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ตัวอย่างเส้นถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นเส้นสร้างรถไฟฟ้า ก็อยากให้เคลื่อยย้ายอุปกรณ์ก่อสร้างในพื้นที่เกาะกลาง เพื่อคืนพื้นที่ผิวจราจร ซึ่งตนจะลงพื้นที่เขตบางพลัด หรือเส้นยมราชพอมีไฟเขียวแต่รถไฟกลับผ่านมา พอไม้กั้นยกก็ไฟแดงแล้ว ก็เพราะกทม.กับการรถไฟแห่งประเทศไทยยังไม่มีการร่วมมือ แต่จากนี้จะมีการพูดคุยเพื่อให้ใช้จังหวะจราจรร่วมกัน ทั้งนี้ ปลายเดือนธ.ค.ผู้ว่าฯกทม.จะแถลงนโยบายกทม.ให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนกรุงเทพฯ อีกทั้งวันที่ 1-2 ธ.ค. กทม.จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์รอบสนามหลวง รวมถึงจะเช็คระบบ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ เพื่อเตรียมรองรับประชาชน

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. แนวคิดการทำงานของตนนั้น ในเรื่องแรกการทำงานตามโครงการพระราลดำริต้องให้มีความต่อเนื่อง เพราะบางเรื่องไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร กทม.จะต้องพยายามให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุดในเวลาที่มีอยู่ เพื่อให้ประชาชนพอใจ เรื่องที่สองกทม.ได้รับนโยบายจากรัฐบาลมาหลายโครงการ บางโครงการรัฐบาลเร่งรัดให้ระยะเวลาดำเนินการเหลือเพียงครึ่งเดียว ซึ่งการทำงานของเราได้ทำจากงบประมาณปี 2560 ที่ได้เริ่มแล้ว ซึ่งโครงการต่างๆที่อยู่ในงบประมาณต้องปฏิบัติได้เลยตามแผนกทม. หากโครงการใดยังไม่สามารถทำได้ อาจจะมีการยกเลิกหรือชะลอโครงการไว้ก่อน เพื่อพิจารณาถึงงบประมาณให้คุ้มค่ามากที่สุด และประการที่สามกทม.จะทำงานกับสภากทม.ให้เป็นเนื้อเดียวกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนกรุงเทพฯ

“ จากที่ทำงานมา 30 วัน พบว่วโครงการมีบางโครงการเร่งด่วนแต่ยังติดปัญหา เช่นการแก้ปัญหาจราจรย่านอรุณอมรินทร์ ย่านแยกศิริราช บางช่วงกทม.ไม่สามาถดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดจากบางหน่วยงาน ไม่มีการส่งมอบพื้นที่ในบริเวณนั้นบางส่วนได้ หรือปัญหาน้ำท่วมขัง บางพื้นที่คงต้องท่วมแต่จะทำอย่างไรให้การระบายเร็วขึ้นกว่าปี 2559 เช่นบางพื้นที่ 5 ชั่วโมง แต่จะทำให้เหลือ 2 ชั่วโมงได้หรือไม่ ” นายจักกพันธุ์ กล่าว

นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า 30 วันที่ผ่านมาเหมือนฝัน เพราะผู้ว่าฯกทม.ติดต่อมาช่วงกลางคืน ชีวิตนี้เป็นมาแล้ว 3 อย่าง เป็นข้าราชการประจำ เป็นสมาชิกสภากทม. และมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งความรู้สึกการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่เคยจางหาย รู้สึกโชคดีที่มีทุกคนคอยช่วยเหลือ โชคดีมีข้าราชการกทม. และลูกจ้างเป็นทีมงานเข้มเเข็ง และเป็นความโชคดีที่พล.ต.อ.อัศวิน และร.ต.ต.เกรียงศักดิ์จับมือกันแน่นหนา ซึ่งรองผู้ว่าฯกทม. ก็เป็นผู้ชาย เหลือตัวเอง พล.ต.อ.อัศวินก็มอบหมายให้ดูเรื่องการศึกษา งานยุทธศาสตร์ ซึ่งพล.ต.อ.อัศวินบอกให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกัน จะไม่มีวันแยกจากกัน ทั้งนี้ การตั้งงบประมาณปี 2561 จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติร่วมกันทำ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ในครั้งนี้ทุกฝ่ายจะทำงานอย่างโปร่งใส ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ได้เชิญสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) มาพบกัลกทม. เพื่อให้สตง.ตั้งคณะกรรมการมา 1 ชุดเพื่อดูแลงบประมาณปี 2560 ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายทำงานร่วมกันก็คิดว่า ข้อกังวลเรื่องการสอบสวน น่าจะเกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือไม่เกิดขึ้นเลย

นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ถ้าเรายกระดับโรงพยาบาลเพื่อให้บริการประชาชนจะต้องทำให้ดีขึ้น การดูแลผู้สูงอายุขณะนี้เราเป็นประเทศอันดับสองของอาเซียนที่เป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว นโยบายด้านนี้มีความสำคัญมาก ตั้งแต่การคัดกรอง การดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้จะมีการพัฒนาเรื่องผังเมือง พัฒนาพื้นที่สีเขียว ที่สำคัญขอยืนยันว่าการทำงานกับสภากทม. ตนยินดีจะรับฟังทุกภาคส่วน ยืนดีรับฟัง แนะนำ ท้วงติงทุกอย่าง

ด้านนายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกทม.นำเสนอนโยบายการบริหารกทม.ของฝ่ายข้าราชการประจำ ว่า บทบาทข้าราชการประจำในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็มีแนวทางและกรอบดำเนินการ ตนจะมองเป้าหมายที่องค์กร และบุคคลากร เพื่อการดูแลประชาชน ซึ่งฝ่ายประจำจะสนองนโยบายฝ่ายบริหาร ทั้งปริมาณ คุณภาพ เวลา หรือเรียกว่าประสิทธิภาพ ส่วนการดูแลงบประมาณและกฎระเบียบ คงจะต้องพึ่งพาสภากทม. ซึ่งตนจะทำหน้าที่เชื่อมโยงเพื่อให้ข้าราชการประจำและสภากทม.มีความเข้าใจร่วมกัน