คลังคงจีดีพีปีนี้โต 3.3% ส่วนปีหน้าคาดโต3.4%

คลังคงจีดีพีปีนี้โต 3.3% ส่วนปีหน้าคาดโต3.4%

"สศค."คงประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ที่ 3.3% ส่วนปีหน้าคาดเพิ่มเป็น 3.4% ยันรัฐไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่มชี้ยังมีเงินเหลือรอการเบิกจ่าย

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจเติบโตปีนี้ไว้ระดับเดิมที่ 3.3% มีช่วงคาดการณ์ที่ 3.0-3.5% โดยเป็นระดับที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.8% ส่วนประมาณการจีดีพีปี 2560 สศค.คาดการณ์ว่า จะขยายตัวได้ 3.4% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 2.7-3.7%

“เราคิดว่าในไตรมาสสี่คงไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะว่า เราได้ออกมาตรการไปมากแล้วและจะมีผลในไตรมาสสี่ เช่น โครงการเร่งรัดการลงทุนขนาดเล็ก 1 ล้านบาท ซึ่งยังเหลือวงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท และยังมีโครงการขนาดเล็กที่เพิ่งผ่านครม.อีก 2.3 หมื่นล้านบาท งบอบรมสัมมนาหน่วยงานราชการที่ต้องเบิกให้ได้ 50% ของวงเงินในไตรมาสแรกของปี และงบเหลือจ่ายที่ยังไม่ได้เบิกอีก 9 พันล้านบาท รวมถึง โครงการลงทุนหมู่บ้านละ 2.5 แสนบาททั่วประเทศ และ มีเงินเหลือจากโครงการหมู่บ้านละ 5 แสนบาทอีก 1 หมื่นล้านบาท เหล่านี้ เป็นบุญเก่าที่เรายังใช้ได้”

สำหรับปัจจัยสนับสนุนจีดีพีปี 2559 มาจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ 3.1% ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐบาล ประกอบกับ การเบิกจ่ายภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำและระบบขนส่งทางถนน และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งในระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 ที่มีความพร้อม ยังคงมีความต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.9% ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ตามการขยายตัวในเกณฑ์สูงของฐานรายได้และการจ้างงานในภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี ประกอบกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรและเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐจะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการส่งออกสินค้าและบริการมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ 3.2% ตามการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียที่เติบโตดี คาดว่า จะสนับสนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวขยายตัวดีตามไปด้วย ทั้งธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้จะยังคงมีข้อจำกัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย ส่วนมูลค่าการส่งออกคาดจะขยายตัวที่ -0.5% ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวจากปีก่อนเช่นกันมาขยายตัวที่ 1.6% เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนภาครัฐในโครงการสำคัญต่างๆ มีความก้าวหน้าและชัดเจนมาก สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะขยายตัว 0.7%

สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2559 มีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.4% ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่ เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศคาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลประมาณ 34.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 8.8% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการเกินดุลการค้าและบริการ

ทั้งนี้ ดุลการค้าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 35.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่หดตัวในอัตราชะลอลง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มราคาสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่าส่งออกสินค้าจะหดตัว -0.5% ขณะที่ มูลค่านำเข้าสินค้าในปี 2559 จะหดตัว-5.1%

เศรษฐกิจคู่ค้าขยายตัวดีขึ้น

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า ประมาณการจีดีพีในปี 2559 และ 2560 ดังกล่าวอยู่บน 7 สมมติฐานหลัก คือ 1.เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่คาดจะขยายตัวดีขึ้นจาก 3.0% มาอยู่ที่ 3.25% ส่วนปี 2560 เศรษฐกิจคู่ค้าจะขยายตัวที่ 3.34% สาเหตุหลักจากการประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น 2.ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559 คาดว่า จะอยู่ที่ 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปี 2560 คาดว่า จะอยู่ที่ 35.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

3.ราคาน้ำมันดิบดูไบ ในปี 2559 คงระดับคาดการณ์เดิมที่ 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนปี 2560 คาดว่า จะอยู่ที่ 49.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 4.มูลค่าการส่งออกในปี 2559 อยู่ที่ -0.5% ส่วนปีหน้า คาดว่า จะบวกหรือเติบโต 1.8% 5.ดอกเบี้ยนโยบายคาดการณ์ระดับ 1.5% ต่อปีทั้งในปี 2559 และ ปี 2560

6.การท่องเที่ยว ได้ปรับตัวเลขลดลงเหลือ 33.3 ล้านคน จากตัวเลข 9 เดือนที่ขยายตัว 12.4% ซึ่งน้อยกว่าที่คาด และ 7.การใช้จ่ายสาธารณะในปี 2559 คาดว่า การบริโภคจะอยู่ที่ 2.42 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.8% การลงทุนอยู่ที่ 9 แสนล้านบาท ขยายตัว 4.5% ส่วนการบริโภคในปี 2560 จะอยู่ที่ 2.49 ล้านล้านบาท ขยายตัว 2.9% ส่วนการลงทุนอยู่ที่ 1.02 ล้านล้านบาท ขยายตัว 6.7%

รายจ่ายสาธารณะปี60อยู่ที่1.02ล้านล้าน

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2560ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 3.4%จะได้รับแรงส่งจากการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐจะขยายตัว6.2% โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ และโครงการรถไฟฟ้าในเขตเมือง จะดำเนินการได้มากขึ้นในปี 2560 และจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐได้

ทั้งนี้ สศค.ประเมินเม็ดเงินลงทุนภาคสาธารณะที่จะมาจากภาครัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ รัฐวิสาหกิจจะมีเม็ดเงินเบิกจ่ายถึง 1.02 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ คาดการณ์ขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยยังจะสูงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2560 จะอยู่ที่ 37.2 ล้านคน

สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.2% จากรายได้เกษตรกรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ขณะที่รายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรได้รับผลดีจากภาวะตลาดแรงงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี