กทม. ยันต้องรื้อชุมชนป้อมมหากาฬ

กทม. ยันต้องรื้อชุมชนป้อมมหากาฬ

กทม. ย้ำชัดที่ดินชุมชนป้อมมหากาฬถูกเวนคืนเป็นของรัฐ หากไม่ย้ายออกมีมาตรการดำเนินการ

นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในรายการกรองข่าววันเสาร์เอฟเอ็ม 102 ถึงความคืบหน้าการเจรจารื้อชุมชนป้อมมหากาฬว่า ในสัปดาห์นี้กทม.เชิญชุมชนและนักวิชาการมาพูดคุยทำความเข้าใจว่า ที่ดินทั้ง 11 แปลงได้โอนเป็นของรัฐครบถ้วนตามพ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน มีบ้าน 102 หลัง รื้อแล้ว 56 หลัง โดยผู้ครอบครองได้รับเงินค่าเวนคืนและค่าขนย้ายเรียบร้อยสภาพพื้นที่คือบางหลังรื้อแล้ว บางหลังยังไม่รื้อ ต่อมาภายหลังบ้านที่ยังไม่ได้รื้อถูกบุกรุกเข้ามาพักอาศัยครอบครอง บางบ้านเจ้าของย้ายแล้ว แต่คนรับใช้ไม่ย้ายออกโดยทุกรายมีทะเบียนบ้านอยู่เขตอื่น แต่มาเรียกร้องว่าเป็นพี่น้องในชุมชนป้อมมหากาฬ รวมถึงข้ออ้างว่า บริเวณดังกล่าวมีบ้าน ดร.ป๋วย. อึ๊งภากรณ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ดร.ป๋วย ไม่เคยมีบ้านเรือนอยู่ในป้อมมหากาฬ เพียงแต่เจ้าของเดิมมีนามสกุลเดียวกัน และได้ย้ายออกแล้วเช่นเดียวกับโรงลิเกก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ที่ประตูผีแยกสำราญราษฎร์ กทม.จึงอยากให้ประชาชนรับฟังความจริง

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า บ้านที่เหลืออยู่ 46 หลังจำนวน 14 หลังรับเงินค่าเวนคืนบางส่วน แต่ภายหลังไม่ยอมย้าย ส่วนอีก 12 หลังรับเงินแล้วประสงค์ให้กทม.เข้ารื้อถอนและขอรับคืนไม้ฝาบ้านเพื่อนำไปใช้สร้างบ้านใหม่ ยืนยันว่า กทม.ไม่ได้เข้าไล่รื้อแต่ชุมชนป้อมมหากาฬเป็นพื้นที่ของกทม.และต้องเข้าไปดำเนินการให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของเจ้าของบ้านที่แท้จริง ขณะนี้กทม.ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาล คือ รื้อถอนเพื่อพัฒนาที่ดินเว้นแต่มีการแก้ไขพ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน
ส่วนข้อเรียกร้องที่ว่าขอให้ชุมชนอยู่ควบคู่กับการอนุรักษ์นั้น ในพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆ เช่น จ.อยุธยาหรือ ป้อมปืนของกองทัพเรือ ชุมชนก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในป้อมหรือในวัดแต่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยรอบ ดังนั้นหากผู้บุกรุกไม่ย้ายออกกทม. มีมาตรการดำเนินการ ขณะนี้ถือว่าเจ้าของบ้านประสงค์ให้รื้อถอนการที่คนอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าของจะเข้ามาขัดขวางคงไม่มีเหตุผลที่น่ารับฟัง กทม.จำเป็นต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ