'บรรยิน' ร้อง 'อัยการสูงสุด' ขอความเป็นธรรม

'บรรยิน' ร้อง 'อัยการสูงสุด' ขอความเป็นธรรม

"บรรยิน" ส่งทนายร้องขอความเป็นธรรมอัยการสูงสุด คดีฆ่า "เสี่ยชูวงษ์" ขอสอบพยานครบถ้วนกลุ่มเล่นกอล์ฟ ทนายระบุเป็นอุบัติเหตุไม่มีเจตนาฆ่า

นายบัญชา ชัยจำ ทนายความ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมการพิจารณาสำนวนคดีต่อร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ภายหลังพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ส่งสำนวนคดีเอกสารหลักฐาน 4,000 หน้าให้อัยการพิจารณาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นดังกล่าว มีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับมอบหนังสือแทน

โดยนายบัญชา ชัยจำ ทนายความ กล่าวว่า เอกสารร้องขอความเป็นธรรมมีจำนวนทั้งสิ้น 6 หน้า ซึ่งขอให้อัยการสูงสุด พิจารณาประเด็นที่พ.ต.ท.บรรยิน ถูกกล่าวหาว่าเจตนาฆ่านายชูวงษ์ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายผู้เสียหายก็ได้มายื่นขอความเป็นธรรมไว้แล้ว เราจึงมายื่นขอความเป็นธรรมด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้รับความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งไม่มีอยากให้มีการชี้นำแต่ขอให้ทุกอย่าไปตามพยานหลักฐาน

“เป็นภาพรวมในประเด็นเกี่ยวกับสถานที่ และเวลาที่ออกจากสนามกอล์ฟ ซึ่งมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์และเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งส่วนไหนที่เราจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราได้ ก็ขอให้สอบสวนในส่วนนั้น ส่วนพนักงานสอบสวนสอบพยานปากใดไว้แล้วแต่ยังสอบไม่ถึงในประเด็นที่เราอยากให้สอบ ก็ขอให้สั่งสอบสวนเพิ่ม ” นายบัญชา ทนายความ ระบุ

นายบัญชา กล่าวด้วยว่า ประเด็นต่างๆที่ขอให้สอบสวนเพิ่มเติมนั้นก็ได้ยื่นกับอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ไปแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่กล่าวอ้างการโอนหุ้นเป็นมูลเหตุจูงใจในคดีฆ่านายชูวงษ์นั้น ซึ่งอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีโอนหุ้น 300 ล้านบาท มูลเหตุจูงใจในคดีฆ่านายชูวงษ์นั้นก็ถือว่าตกไปและจะต้องตัดประเด็นนี้ออก อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้กังวลใจ เพราะเป็นอุบัติเหตุไม่มีเจตนาฆ่า จากนี้ต้องรอว่าอัยการจะพิจารณาสั่งคดีฆ่าฯ อย่างไร

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า จะเสนอหนังสือร้องขอความเป็นธรรมนี้ให้อัยการสูงสุดพิจารณาตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีให้อัยการแล้วดังนั้นก็จะนำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปพิจารณาร่วมกับสำนวนคดีต่อไป

ส่วนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ 300 ล้านบาท ที่อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ สั่งไม่ฟ้องนั้น ยังไม่ทราบว่า ผบ.ตร. มีความเห็นอย่างไร หรือส่งสำนวนกลับมาให้อัยการแล้วหรือไม่ แต่ในแง่ข้อกฎหมายนั้น หาก ผบ.ตร. เห็นพ้องกับความเห็นอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง ก็ต้องถือว่าคดีโอนหุ้นสิ้นสุดตามกฎหมาย แต่หาก ผบ.ตร.เห็นแย้งกับอัยการ สำนวนดังกล่าวนั้นก็จะถูกส่งกลับมาให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย