ยึดทรัพย์เครือข่าย'หมื่นจะดา'450ล้าน ของกลางอาวุธสงครามอื้อ

ยึดทรัพย์เครือข่าย'หมื่นจะดา'450ล้าน ของกลางอาวุธสงครามอื้อ

จนท.ลุยยึดทรัพย์คดียาเสพติดเครือข่าย "หมื่นจะดา" มูลค่ากว่า 450 ล้านบาท ทั้งอสังหา-อาวุธสงครามอื้อ โยง85เป้าหมายเขตภาคเหนือ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่ศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัยจังหวัดเชียงใหม่ จัดให้มีการแถลงผลปิดล้อมตรวจค้นขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตามแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 4 โดยมี นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ ร่วมการแถลงข่าว

จากแผนการปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ครั้งที่ 1-3 ซึ่งสามารถตรวจยึดยาเสพติด ชนิดยาบ้าได้กว่า 2 ล้านเม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 600 ล้านบาท จากการปฏิบัติการ 3 ครั้ง ตามแผนดังกล่าวที่ผ่านมาทำให้ทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เครือข่ายหมื่นจะดา ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือยังคงดำเนินการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การป้องกันและปราบยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการและเป็นไปตามนโยบายของรัฐ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด อีกทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จึงได้กำหนดแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาลครั้งที่ 4 “เครือข่ายหมื่นจะดา” (Operation : Demolishing Drugs Trafficking / D.D.T Operation Chapter 4)

โดยเน้นการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ดำเนินต่อกลุ่มเครือข่าย“หมื่นจะดา”ที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและธุรกรรมทางการเงิน และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกด้วย โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเครือข่ายโยงใยจะต้องเข้าดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศจำนวน 124 เป้าหมาย ประกอบด้วยพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 85 เป้าหมาย พื้นที่ภาคใต้ 18 เป้าหมาย พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 19 เป้าหมาย พื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 เป้าหมาย โดยจะปฏิบัติพร้อมกันทั่วประเทศดังนี้

ส่วนการเข้าจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายอภิชาติ หทัยทัศน์, นายฉัตรดนัย เกียรติวงศ์, นายธวัชชัย แก้วชัย, นายสิทธิชัย รอดมาก, น.ส.หญิง แสงเนิน , นายจาย ชายโช , นายเจษนิพิฐ กนกสุทธิวงศ์ หลบหนี 1 คนคือ นายวีระ หมื่นจะดา ลูกเขย“พันเอกจะลอโบ” คาดว่าอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับรายการทรัพย์สินที่ยึดได้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย สถานประกอบการธุรกิจในเครือ ได้แก่ ร้านวิเศษ 168 ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 15 พร้อมหุ้นส่วนบริษัท ร้านวิเศษ 168 จำนวน 10,000 หุ้น , อู่ซ่อมรถยนต์ อู่เก่งช่วงล่าง ต.ป่าตัน อ.เมือง เชียงใหม่, สวนส้มเกษตรชัยเจริญจำนวน 120 ไร่, โรงแว็คส้ม หลังสวนส้มเกษตรชัยเจริญ จำนวน 1 โรง

อาวุธปืนลูกซองสั้น 4 กระบอก, อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก, อาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 2 ซอง เครื่องกระสุนปืน 5.56 มม. จำนวน 164 นัด, อาวุธปืน .45 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 25 นัด และ ซองกระสุนจำนวน 2 ซอง นอกจากนั้น ยังมีรายการทรัพย์สินตาม พรบ.มาตรการฯ และข้อหาฟอกเงิน ซึ่งเป็นทรัพย์เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีรายการทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ดังนี้คือ บ้านพักอาศัย 4 หลัง ห้องพักอาคารชุด 2 ห้อง ร้านจำหน่ายอุปกรณ์แต่งรถ 2 แห่ง รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน เงินสดจำนวน 55,200 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ประมาณ 450 ล้านบาท

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ตามแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยเป้าหมายครั้งนี้เป็นเครือข่ายของนายวีระ หมื่นจะดา นักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกเขยของพันเอกจะลอโบ ผู้นำกองกำลังว้า จำนวน 124 เป้าหมายทั่วประเทศ โดยอยู่ในภาคเหนือ 85 เป้าหมาย ภาคใต้ 18 เป้าหมาย กรุงเทพและปริมณฑล 19 เป้าหมาย และพื้นที่ภาควันวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหลืออีก 2 เป้าหมาย

ส่วนเป้าหมายในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ เจ้าหน้าที่ได้บุกค้นผับชื่อ ร้านวิเศษ 168 ตั้งอยู่ในซอย 15 ย่านถนนนิมานเหมินทร์กลางเมืองเชียงใหม่ ที่มีนายฉัตรดนัย เกียรติวงศ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จว.187/2559 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 เป็นเจ้าของ รวมทั้งยังได้บุกค้นธุรกิจและบ้านพักที่นายฉัตรดนัย เป็นเจ้าของ ทั้งอู่ซ่อมรถ ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์และอุปกรณ์ตกแต่ง บ้านพัก อาคารชุด สวนส้ม โรงแว๊คส้ม รถยนต์ 4 คัน จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน รวมทั้งอาวุธปืนสงคราม และเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท
ขณะที่นายฉัตรดนัย เกียรติวงศ์ ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยให้การว่าหลังเรียนจบได้เริ่มทำธุรกิจอู่ซ่อมรถจนมีเงินเข้ามา ก็เริ่มขยายธุรกิจ จึงมีเงินเข้ามาหลายช่องทาง โดยมีบันทึกรายรับไว้ทั้งหมด

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส. กล่าวว่า แม้ผู้ต้องหารายนี้ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลที่แน่นหนาพอ โดยนายฉัตรดนัย เกียรติวงศ์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา“สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิด และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับสาเสพติด” มาตรา 6 ,8 พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ซึ่งผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในบริษัทลูกเครือข่ายของนายวีระ หมื่นจะดา ลูกเขยพันเอกจะลอโบ ซึ่งมีอายุเพียง 28 ปี แต่กลับมีธุรกิจและทรัพย์สินมากมายมหาศาล อย่างไรก็ตาม เครือข่ายนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนเพื่อขยายผลทะลายเครือข่ายและตัดวงจรผู้ค้าของกลุ่มค้ายาเสพติดรายสำคัญนี้ต่อไป