ยอดขายเอเชียหดฉุดรายได้โค้กร่วง

โคคา-โคลา ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำอัดลม สัญชาติอเมริกัน คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 3% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4-5% โดยไตรมาสล่าสุดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดขายโคคา-โคลาไม่เติบโต นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลมของบริษัทเพิ่มขึ้น 2% แต่น้ำอัดลมลดลง 1% และเป็นครั้งแรกที่ยอดขายน้ำอัดลมลดลง นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2557 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ยอดขายในจีน อาร์เจนตินา และเวเนซุเอลาลดลง ขณะที่ยอดขายในประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ทั้งรัสเซีย ตุรกี และบราซิล ก็ลดลงด้วยเช่นกัน

บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่รายนี้ ยังคาดการณ์รายได้ต่อหุ้นตลอดทั้งปีว่าจะต่ำกว่าความคาดหวังของตลาดวอลล์สตรีท โดยประเมินว่า รายได้ต่อหุ้นจะลดลง 4% มาอยู่ที่ 7% จากปีก่อน หรืออยู่ที่หุ้นละ 1.86-1.92 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่หุ้นละ 1.94 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ในไตรมาสสอง โคคา-โคลา ยังปรับขึ้นราคาสินค้าทั่วโลก 3% และใช้วิธีขายสินค้าขนาดเล็ก ที่มีราคาต่อออนซ์มากขึ้น เนื่องจากบริษัทหันมาเน้นเรื่องรายได้ มากกว่าปริมาณการเติบโต ส่วนกำไรจากการประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้น 3.93% มาอยู่ที่ 24.78% เพราะได้แรงหนุนจากการเลิกทำธุรกิจบรรจุขวดน้ำอัดลม และแผนลดต้นทุน 3,000 ล้านดอลลาร์ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราัะห์หลายคนมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเหนือความคาดหมายที่ยอดขายน้ำอัดลมของโคคา-โคลาปรับตัวลดลง เนื่องจากคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ จึงนิยมบริโภคเครื่องดื่มที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกันมากขึ้่น หรือไม่ก็หลัีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณสูง