จับเรือน้ำมันดิบหนีภาษีค่า10ล. ลูกเรือซัดนายทุนไทยจ้าง

จับเรือน้ำมันดิบหนีภาษีค่า10ล. ลูกเรือซัดนายทุนไทยจ้าง

กรมศุลฯ จับเรือลอบขนน้ำมันดิบหนีภาษี1.2แสนลิตร ค่า10ล้าน ด้าน "ลูกเรือ" สารภาพนายทุนไทยเป็นผู้ว่าจ้าง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร แถลงผลการจับกุม น้ำมันดิบ จำนวน 120,000 ลิตร ลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมเรือ “ณิศรา” บรรทุกของกลางจำนวน 1 ลำ ขณะเดินทางเข้าไปขนถ่ายขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือในแม่น้ำมหาชัย อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร มูลค่าของกลางรวมทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรได้มุ่งเน้นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดปราบปรามสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อกำกัดเพื่อความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง กระทั่งเมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรส่วนสืบสวนปราบปราม 2 (ปราบปรามทางทะเล) ที่นำโดย นายนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 2 สามารถจับกุมเรือน้ำมัน ชื่อ ณิศรา ซึ่งบรรทุกน้ำมันดิบ ลักลอบหนีศุลกากร จำนวน 120,000 ลิตร ขณะเดินทางมุ่งหน้าเข้าปากน้ำมหาชัย อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ห่างฝั่ง อ.มหาชัย ประมาณ 1 ไมล์ทะเล จากการตรวจสอบพบ นายปรีชา แจ่มศรี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 5 ต.บางขุนไทร อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นผู้ควบคุมเรือ พร้อมด้วยลูกเรือสัญชาติไทยอีก 3 คน ประกอบด้วย นายสงคราม สิทธิรุ่ง ,นายศุภชัย เลิศวิไลนริศ และนายภานุวัฒน์ ผลาหาญ

นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่า มีนายทุนสัญชาติไทยเป็นผู้ว่าจ้างให้มารับน้ำมันหลบหนีภาษีศุลกากรจากเรือในทะเล บริเวณใกล้เกาะสีชัง แล้วให้นำไปสูบถ่ายขึ้นฝั่งที่ท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำมหาชัย อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรส่วนสืบสวนปราบปราม 2 จับกุมในที่สุด ทั้งนี้ในรอบปีงบประมาณ 2559 ทางกรมศุลกากรได้จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันหนีภาษีไปแล้ว 5 ลำ จำนวน 268,000 ลิตร มูลค่าของรวมกว่า 50 ล้านบาท และจะมีการกวดขันตรวจสอบและจับกุมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป

ด้าน นายนิมิตร กล่าวว่า ในพื้นที่บริเวณเกาะสีชังมีโรงกลั่นน้ำมันเยอะ โดยกลุ่มที่ถูกจับกุม เจ้าหน้าที่เคยตักเตือนไปแล้ว แต่ยังลักลอบขนน้ำมันดิบจึงถูกจับกุม ซึ่งการขนน้ำมันดิบจะต้องมีใบอนุญาตจากกรมศุลกากรจึงสามารถทำได้ เนื่องจากน้ำมันชนิดนี้มีการเผาผลาญที่รวดเร็วกว่าน้ำมันเตา และหากมีการรั่วไหลจะเป็นอันตรายกับทะเลและชายฝั่งอย่างมาก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร ฐานลักลอบนำเข้าน้ำมันดิบ หรือรับซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษี ของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง อันเป็นความผิด มาตรา 27, 27ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับมาตรา 16,17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 จึงได้ยึดน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมันเป็นของกลาง พร้อมจับกุมตัวลูกเรือเป็นผู้ต้องหานำส่งกรมศุลกากร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย