สื่อฟันธงฝ่ายหนุนอังกฤษออกจากอียูชนะประชามติ

สื่อฟันธงฝ่ายหนุนอังกฤษออกจากอียูชนะประชามติ

ผลการนับคะแนนการลงประชามติว่า สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรืออียูหรือไม่ คิดเป็น 52% หนุนออกจากอียู และ 48% อยากให้อยู่กับอียูต่อไป

ทีวียักษ์ใหญ่สองแห่งของอังกฤษฟันธงแล้วว่า กลุ่มหนุนออกจากอียูชนะผลการลงประชามติหลังผลนับคะแนน 339 เขตจาก 382 เขตเลือกตั้งบ่งชี้ว่า ฝ่ายหนุนออกจากอียูมีคะแนนนำ 52%

ต่อ 48% ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีสมาชิกถอนตัวออกจากอียู

สถานีโทรทัศน์ บีบีซี และไอทีวี รายงานแล้วว่า ผลการนับคะแนนการลงประชามติว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรืออียูหรือไม่เมื่อวานที่ใกล้เสร็จสิ้นจำนวน 339 เขตจาก 382 เขตเลือกตั้งพบว่า 52% หนุนการออกจากอียู และ 48% ต้องการให้อยู่กับอียู

นับตั้งแต่ช่วงผลคะแนนแรกๆทยอยออกมา โดยเฉพาะที่เมืองซันเดอร์แลนด์ เมืองผลิตรถยนต์ มีผู้สนับสนุนการออกจากอียู 61% มากกว่าที่คาดไว้ ทิ้งห่างฝ่ายอยู่กับอียูที่ได้ 39% สร้างความตกใจให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 

ขณะที่ในกรุงลอนดอน และแคว้นสกอตแลนด์โหวตหนุนอยู่กับอียูต่อไปด้วยคะแนนเสียงอย่างเข้มแข็ง โดยช่วงหนึ่งเงินปอนด์แตะระดับราว 1.33 ปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐหรือลดลงกว่า 10% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2528

ขณะเดียวกันคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศว่า ในการลงประชามติครั้งนี้ มีจำนวนผู้ใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ที่ 72.2% จากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิราว 46.5 ล้านคน แม้ว่ามีฝนตกและน้ำท่วมในบางพื้นที่

ผลประชามติครั้งนี้ทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นชาติแรกที่ถอนตัวออกจากอียูที่ก่อตั้่งมายาวนาน 60 ปีทำให้อังกฤษที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 5 ของโลกจะต้องแยกตัวเดินเดี่ยวในเวทีเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบต่อข้อตกลงการค้าที่อังกฤษทำไว้กับชาติอื่นๆภายในอียู และข้อตกลงการค้ากับชาติอื่นๆนอกภูมิภาคที่อังกฤษมีพันธะผูกพันภายใต้อียู แต่กระบวนการออกจากอียูเบื้องต้นอาจใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีแต่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเวลา 10 ปี

ก่อนหน้านี้ ผู้นำยุโรปกำหนดไว้แล้วว่าจะจัดประชุมสุดยอดสองวันในวันอังคารหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับผลประชามติ และวางแนวทางรับมือหากมีการจัดประชามติแบบเดียวกันนี้ในชาติสมาชิกอื่นๆของอียู ที่อาจคุกคามต่อเสถียรภาพอียู