PSL - ขาย

PSL - ขาย

ขาดทุนไตรมาส 1/59 มากกว่าที่คาด มีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่อง

ต่ำกว่าที่คาด

PSL รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 1/59 ที 1,211 ล้านบาท ขาดทุนมากขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ หากไม่รวมขาดทุนจากการขายเรือ 339 ล้านบาท, ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 155 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายหนี้เสีย 25 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมจากการยกเลิกวงเงินสินเชื่อ 182 ล้านบาทและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 27 ล้านบาท ขาดทุนหลักไตรมาส 1/59 จะอยู่ที่ 537 ล้านบาท ขาดทุนมากขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ตัวเลขดังกล่าวแย่กว่าที่เราและตลาดคาดค่อนข้างมาก เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงกว่าคาดและค่าใช้จ่ายพิเศษ

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ขาดทุนสุทธิมากขึ้น YoY เนื่องจากการรับรู้ขาดทุนพิเศษดังที่กล่าวไปก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน ขาดทุนสุทธิที่น้อยลง QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษที่ลดลง ผลประกอบการหลักที่อ่อนตัวลงเนื่องจาก 1) อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยลดลง, 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น และ 3) ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยลดลง 21% YoY และ 19% QoQ มาอยู่ที่ 4,797 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 11.4% จาก 9.0% ในไตรมาส 1/58 และ 10.5% ในไตรมาส 4/58 นอกจากนี้ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 47% YoY และ 37% QoQ เป็น 199 ล้านบาท เนื่องจากยอดสินเชื่อคงค้างที่สูงขึ้น ทั้งนี้จำนวนเรือที่ใช้ในการดำเนินงานเฉลี่ยลดลงเป็น 44 ลำจาก 45 ลำ ในไตรมาส 1/58 และ 4/58

แนวโน้ม

ดัชนี BDI เฉลี่ยตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/59 จนถึงปัจจุบันลดลง 6% YoY มาอยู่ที่ 597 จุด เนื่องจากอุปสงค์ของโลกที่ชะลอตัวและอุปทานที่ล้นตลาด อย่างไรก็ตามดัชนี BDI เฉลี่ย QTD เพิ่มขึ้น 67% QoQ จากการเพิ่มขึ้นของดัชนี Capesize 268% และการเพิ่มขึ้นของดัชนี Supramax 42% ปัจจัยหลักหนุนการเพิ่มขึ้นของดัชนี BDI QoQ คือ 1) การนำเข้าแร่เหล็กจากจีน และ 2) ฤดูกาลซื้อขายพืชผลทางการเกษตรของภูมิภาคอเมริกาใต้ แม้ว่าดัชนี BDI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราค่าระวางของเรือประเภท Supramax และ Handysize อยู่ที่ 5,800 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ และ 5,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ตามลำดับ ยังคงต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของบริษัทที่ประมาณ 8,200 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ดังนั้นเราคาดผลประกอบการหลักของบริษัทในไตรมาส 2/59 จะยังคงขาดทุนและอ่อนตัวลง YoY อย่างไรก็ตามเราคาดผลประกอบการหลักจะปรับตัวดีขึ้น QoQ สอดคล้องกับอัตราค่าระวางเรือที่ฟื้นตัว


สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับคาดการณ์ขาดทุนสุทธิปี 2559เพิ่มขึ้นเป็น 2,067 ล้านบาท จาก 613 ล้านบาท เพื่อสะท้อน 1) การปรับลดสมมติฐานอัตราค่าระวางเรือลง 25% เป็น 5,639 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ สำหรับปี 2559 และ 2) ค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 1/59 ดังนั้นเราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2559 เป็น 5.60 บาท (จาก 6 บาท) อ้างอิงจากค่า PBV ที่ 0.6 เท่าซึ่งเป็นมูลค่าหุ้นที่ซื้อขายกันในช่วงที่อุตสาหกรรมเดินเรือซบเซา เราคาดตลาดน่าจะมีการปรับลดประมาณการลงเช่นกัน

คำแนะนำ

ในมุมมองของเรา ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในทิศทางเดี่ยวกับดัชนี BDI ในช่วงที่ผ่านมานั้นไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือในปัจจุบันยังคงต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของบริษัท นอกจากนี้การอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดเรือเทกองและผลประกอบการของบริษัทในปี 2559 น่าจะยังคงกดดันราคาหุ้นต่อเนื่อง เราคิดว่ายังมีความเสี่ยงต่อประมาณการผลประกอบการของบริษัทปี 2559 จากอุปสงค์ของโลกที่ยังคงอ่อนแอ ดังนั้นในกลุ่มหุ้นขนส่งของไทย เราแนะนักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นขนส่งทางบก (น่าจะทำผลงานได้ดีในไตรมาส 2/59) และหุ้นขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นหุ้นที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ดังนั้นเราปรับลดคำแนะนำเป็น ขาย จาก ถือ