ADVANC - ซื้อ

ประเด็นการลงทุน

เราทำการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 เพิ่มขึ้นอีก 3% (มาอยู่ที่ 3.05 หมื่นล้านบาท) เพื่อสะท้อน EBITDA margin ของปี 2559 ที่เพิ่มสูงขึ้น (จาก 33% ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33.8%) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงจากประมาณการเดิม รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 6% (มาอยู่ที่ 180 บาท) เรายังคงแนะนำ ซื้อ เนื่องจากเหตุผลของอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังสูงน่าจูงใจถึง 6.2% ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิปี 2559 ของ ADVANC จะมีแนวโน้มลดลงอย่างมากก็ตาม และการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2559

สรุปผลประกอบการไตรมาส 4/58–กำไรหลักสูงกว่าคาดเล็กน้อย

ADVANC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 ที่ 1.079 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึน 18% YoY และ 25% QoQ ถ้าหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 4/58 กำไรหลักอยู่ที่ 1.059 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 21% QoQ กำไรสุทธิและกำไรหลักสูงกว่าคาดคิดเป็น 6% และ 4% ตามลำดับเนื่องจากค่าเสื่อมราคาโครงข่ายและต้นทุนด้านกฎระเบียบทีต่ำกว่าคาด กำไรหลักที่เพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากการไม่มีค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์โครงข่าย 2 จีจากสัมปทานคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซที่หมดอายุลงและการลดลงของต้นทุนด้านกฎระเบียบซึ่งกลบผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน (ซึ่งได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานทั่วไป) และรายได้บริการที่ลดลงเล็กน้อย รายได้ค่าบริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ลดลง 0.5% YoY และ 0.2% QoQ (ดูรายละเอียดได้ในหน้าที่ 4)

คาด EBITDA margin หดตัวลงในปี 2559

บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานปี 2559 ได้แก่ รายได้บริการ (ที่ไม่รวม IC) มีแนวโน้มทรงตัวเทียบกับปี 2558 ที่เพิ่มขึ้น 2%YoY มาร์จิ้นของธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์เป็นบวก 3-4% (เนื่องจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีใหม่สำหรับเงินค่าอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์ โดยย้ายมาอยู่ในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทั่วไปแทน) EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 37-38% เทียบกับ 45.7% ในปี 2558 และงบลงทุนรวมอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท (รองรับการลงโครงข่าย 4 จี และการขยายโครงข่าย 3 จีที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในโครงข่าย FTTH ของธุรกิจบรอดแบนด์ประจำที่ (FBB) และการเพิ่มร้านและศูนย์ให้บริการลูกค้า AIS ) ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายมีแนวโน้มลดลงอีก 25% ในปี 2559 เนื่องจากสินทรัพย์โครงข่าย 2 จีของคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซได้ตัดจำหน่ายหมดไปแล้วในเดือนก.ย.2558 บริษัทยังคงรักษานโยบายการจ่ายเงินปันผลไว้ที่100% สำหรับในปี 2559 เนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและโครงสร้างเงินทุนที่ยังคงแข็งแกร่ง


ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากดีลพันธมิตรกับทีโอทีอยู่ในประมาณการของเราแล้วบางส่วน

เป้ารายได้บริการที่ทรงตัวในปี 2559 ได้รวมผลกระทบจากการปิดบริการ 2 จีไปแล้ว ซึ่งจะกลบผลกระทบของรายได้บริการ 4จีและรายได้จากธุรกิจบรอดแบนด์ประจำที่ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในปีนี้ ส่วนเป้า EBITDA margin ที่คาดว่าจะลดลงในปีนี้ได้รวมค่าใช้จ่ายจากการอุดหนุนเครื่องโทรศัพท์และค่าใช้จ่ายจากการโรมมิ่งของลูกค้า 2 จีจำนวน 8 พันล้านบาท การสูญเสียลูกค้า 2 จีไปบางส่วนและการหายไปของรายได้ 2 จี (ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดระบบ 2 จี) รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวขั้องกับดีลพันธมิตรระหว่าง ADVANC กับทีโอทีที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ ในส่วนประมาณการรายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ของเราสำหรับในปี 2559 ถือได้ว่าสอดคล้องกับเป้าของบริษัท แต่ในขณะที่ประมาณการ EBITDA margin ของเราที่ 33.8% สำหรับปี 2559 ถือว่ายังคงต่ำกว่าเป้าของบริษัท เนื่องจากเราคำนวณรวมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากดีลพันธมิตรระหว่าง ADVANC กับทีโอทีเข้าไปในประมาณการของเราในปี 2559 แล้วบางส่วน (ซึ่งประกอบไปด้วยค่าเช่าเสาสัญญาณ อุปกรณ์โครงข่าย 2 จี และสายไฟเบอร์ออฟติกที่เข้าสู่บ้านของทีโอที การลงทุนในโครงข่าย 2100 เมกะเฮิร์ซของทีโอทีเพิ่มเติมตามการซื้อคาปาซิตี้เอ็มวีเอ็นโอสัดส่วน 80% จากทีโอที รวมถึงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงสำหรับสินทรัพย์ 2 จีและโครงข่าย 2100 เมกะเฮิร์ซที่ ADVANC ลงทุนใหม่ให้กับทีโอทีด้วย)

เราคาดว่าการเซ็นสัญญาความร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่าง ADVANC กับทีโอทีมีแนวโน้มเกิดขึ้นในเดือนมี.ค. 2559 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักอัยการสูงสุด ในส่วนสมมติฐานงบลงทุนปี 2559 ของเราที่ 4.4 หมื่นล้านบาทถือว่าสูงกว่าเป้าของบริษัท ปัจจุบัน ADVANC ทำการโอนย้ายลูกค้า 2 จีไปยังใบอนุญาต 3 จี/4จี ได้จำนวน 2.6 ล้านรายแล้วจนถึงขณะนี้ ถึงแม้ว่าบริการ 2 จีจะหยุดลงหรือปิดตัวลงทันทีที่ JAS หรือ TRUE ทำการจ่ายค่าประมูลคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซงวดแรก แต่ ADVANC ก็ยังจะสามารถให้บริการ 2 จีได้ต่อไปผ่านการทำสัญญาโรมมิ่งกับโครงข่าย 2 จีของ DTAC